อาหารญี่ปุ่นนั้นมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับฤดูกาล เราจึงเห็นร้านอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะร้านอาหารไคเซกิออกชุดอาหารประจำฤดูกาลมาอยู่เสมอ และในฤดูใบไม้ผลินี้ก็เช่นกัน..
ว่านเคยมาเยี่ยมเยือน Umenohana อยู่หลายครั้ง และในฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ เมื่อ Umenohana ออกชุดอาหาร Haru Urara 春うらら อันหมายความความงามแห่งใบไม้ผลิ จึงได้โอกาสมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง..
Umenohana นั้นเด่นเรื่องปูและเต้าหู้ ดังที่ได้เคยเล่าในบล็อกที่แล้ว มาคราวนี้จึงขอลองน้ำเต้าหู้บ้าง
เป็นน้ำเต้าหู้ที่ดื่มง่าย เบากว่าที่คิดไว้ และแน่นอนว่าไม่เหม็นกลิ่นถั่วเหลือง แก้วละ 110 บาท มีสามรสด้วยกัน ได้แก่ รสน้ำผึ้ง รสยุซุ และรสน้ำตาลKuromitsu ส่วนตัวว่านชอบรสน้ำผึ้งสุดค่ะ
ในกระบอกไม้ไผ่นี้คือเหล้าสาเกJunmaishu คือเหล้าสาเกที่หมักด้วยข้าวและยีสต์Koji โดยไม่ได้มีการเติมแอลกอฮอล์ในกระบวนการหมักแต่อย่างใด ให้รสชาติบางเบาเจือหวาน ดื่มง่าย ผลิตสำหรับUmenohana โดยเฉพาะ กระบอกละ 390 บาท
มาเริ่มคอร์สแรกกันเลยดีกว่า.. เปิดฉากด้วยเต้าหู้กันเช่นเคย กับ Yomogi Mineoka Tofu และ Scallop and seasonal vegetable with Ponzu Gelee
Mineoka Tofu ยังนุ่มหนึบได้ใจเช่นเคย ได้สีเขียวของผักสมุนไพรอย่าง Yomogi มาช่วยเพิ่มสีสัน เมื่อประดับด้วยดอกซากุระสีหวาน และไข่ปลาแซลมอนก็ยิ่งทำให้จานนี้สีสันสวยงามเหมือนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
Scallop and seasonal vegetable with Ponzu Gelee
จานนี้ win มาก เหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ เนื้อหอยเชลล์กับ Herb+Garlic Butter เข้ากันดี ยอดNanohana ให้ความกรุบกรอบ มีเยลลี่ปอนสึช่วยเพิ่มความเปรี้ยวสดชื่น
Sakura Fukufuku Tofu with Sakura Ebi An
อย่างที่กล่าวแล้วว่า Umenohana เป็นร้านที่เด่นเรื่องเต้าผู้ คอร์สนี้ก็เช่นกัน
เป็นเต้าหู้ที่หมักด้วยเชื้อโคจิแดง จะมีสีแดงระเรื่ออ่อน ๆ เวลารับประทานราดด้วย Sakura Ebi An เป็นน้ำซุปหนืด ๆ คล้าย ๆ น้ำราดหน้า มีกุ้งซากุระตัวน้อย
รสชาติเต้าหู้อ่อนเนียน อันที่จริงคอร์สนี้ ว่านชอบกินเต้าหู้เปล่า ๆ อาจจะแค่เหยาะโชยุนิดหน่อยมากกว่า
ส่วน Sakura Ebi An ก็แยกกินไป แหะแหะ รู้สึกกินด้วยกันแล้วรสชาติเต้าหู้มันหายไปเลยน่ะค่ะ
Sashimi (Toro & Madai)
คอร์สที่ใคร ๆ (ที่รักปลาดิบ) ก็ต้องถูกใจ กับOtoro ลายสวยอุดมไขมันดี และMadai กรุบดึ๋ง
Ikura Mushi Sushi
คอร์สนี้คุ้นเคยกันดีจากคราวที่แล้ว..
Taraba Kani Seiro Mushi
มาถึงอีกเมนูเด็ดของคอร์ส.. ปูทะระบะ อันที่จริงเลือกได้ว่าจะรับแบบนึ่งซึ้งหรือย่าง เราเลือกแบบนึ่ง(กันอีกแล้ว)
กะเวลานึ่งได้เป๊ะเหมือนเคย.. เปิดฝาซึ้ง ก็ซึ้งกันกับกลิ่นหอม ๆ ของปู..
การกินปูของญี่ปุ่นนั้น จะรับประทานกับ Kanizu นึกง่าย ๆ ว่าคล้าย ๆ น้ำจิ้มเสี่ยวหลงเปา แต่รสชาติจะอ่อนบางกว่า กล่าวคือเปรี้ยวเบา ๆ ไม่กลบรสหวานของปู ถ้าอยากได้รสจัดขึ้นก็มีผิวส้มยุซุผสมพริกไทย..
แอบกระเซ้าว่าขอน้ำจิ้มซีฟู้ดได้ไหม ทางร้านบอกว่าถ้าแจ้งมาล่วงหน้าก็จะพยายามเตรียมให้.. แหม น่ารักจริง ๆ
แต่ปูสดหวานแบบนี้ กินเปล่า ๆ ยังได้เลยเหอะ.. ใครที่เคยกินปูทะระบะ(ต้มตามไลน์บุฟเฟ่ต์)แล้วรู้สึกว่าเค็ม&แข็ง ขอให้มาลองปูสด ๆ ที่นี่ แล้วจะซึ้งว่าปูทะระบะหวาน ๆ ก็มีเหมือนกัน(ซึ้งแน่ ๆ เพราะมีซึ้งอยู่ข้าง ๆ )
Kuroge Wagyu Yogan Yaki
เนื้อวัวขนดำย่างหินร้อน..
หินภูเขาไฟมีกระดาษกันกระเด็นน้ำมันมาให้ คิดมาอย่างรอบคอบสมเป็นร้านไคเซกิ
ย่างเสร็จแล้วจะช้าอยู่ใย กินกันเลยดีกว่าค่ะ ^_^ เนื้อวัวนุ้มนุ่ม..
Yuba Age
ไม่ใช่แค่ฟองเต้าหู้ทอดอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นลูกชิ้นปลาTara เนื้อฟูนุ่มดึ๋งห่อด้วยฟองเต้าหู้แล้วทอดอย่างเทมปุระ บีบมะนาวใส่แล้วรับประทานได้เลยค่ะ
Nigiri Sushi & Tekka Maki เสิร์ฟพร้อม Akadashi หรือซุปมิโสะแดง
ปลาสดดี แต่การปั้นข้าว.. ยังไม่ผ่าน -_-
ก่อนจะถึงของหวาน แอบแว่บนอกชุดอาหารHaru Urara กันหน่อย กับNamafu Dengaku.. Namafuนั้นคือหมี่กึงนั่นเอง XD อันที่จริงต้องบอกว่าญาติกันมากกว่า เพราะรสชาติไม่คล้ายกันนัก ออกจะกึ่ง ๆ ระหว่างหมี่กึง+เต้าหู้และโมจิ ราดด้วยเต้าเจี้ยวหวาน ที่ละ 90 บาท
Yuba Gratin ชามนี้ 180 บาท ไม่ติดใจอะไร แต่เด็ก ๆ น่าจะชอบ เหมาะให้ฝึกกินเต้าหู้
กลับมาจบชุดอาหาร Haru Urara กันด้วย Tofu Pudding Amaou Strawberry Sauce
เน้นด้วยนะว่าไม่ใช่ Strawberry Sauce ธรรมดา แต่เป็น Amaou.. หอมหวานชื่นใจดีค่ะ จบคอร์สแบบสวย ๆ หวาน ๆ
ชุดอาหาร Haru Urara 春うらら สนนราคาที่ 2,950บาทต่อท่าน มีถึงสิ้นเดือนพฤษภานี้เท่านั้น ใครอยากไปชมความงามแห่งใบไม้ผลิบนโต๊ะอาหาร ก็ไปเยี่ยมเยือน Umenohana กันได้
ขอบคุณทางร้านUmenohana ที่ชวนว่านมาชิมและชมเช่นกัน พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ <3