หลายครั้งหลายหนที่ได้รับเชิญไปไวน์ดินเนอร์ ซึ่ง The Negro Angelo E Figli Wine Dinner at Rossini’s นี้ เป็นครั้งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าสมกับความเป็น Wine Dinner จริง ๆ กล่าวคืออาหารได้ถูกสรรค์สร้างและชูรสของไวน์ให้ละเมียดยิ่งขึ้นอย่างรู้สึกได้ จะเป็นอย่างไรหรือคะ ลองไปดูกัน
เริ่มเสียงกระทบแก้วกันอย่างเบา ๆ ด้วยกลิ่นดอกไม้แสนบางเบาของ Follador Prosecco Gold
Rossini’s ยังทรงเสน่ห์ Tuscan อยู่ไม่วาย Setting บนโต๊ะเป็นไปอย่างพรั่งพร้อม..
ลองทายดูเล่น ๆ ไหมคะ ว่าแก้วไหนก่อน-หลัง =)
สำหรับอาหารนั้น มีให้ลิ้มลองกันถึง 5 คอร์สค่ะ ดูเมนูแล้วน่าสนใจทีเดียว..
ก่อนอื่น มาเริ่มกันที่ขนมปังของ Rossini’s ก่อน ทีแรกว่าจะชิมแค่ชิ้นเดียวค่ะ แต่แล้วก็ต้องยอมผิดสัญญาใจตัวเอง (>_< )
ก็เล่นมากันสี่สีสีรสเลยน่ะสิคะ.. เลยชิมไปอย่างละหน่อย เนื้อเหนียวแต่นุ่มมาก ถูกใจ <3
จะรับประทานกับเนย น้ำมันมะกอก หรือมะเขือยาวบดที่เสิร์ฟเคียงมา ก็ได้ทั้งนั้น
คอร์สแรกเป็น Scampi with sea urchin espuma, oyster leaves and caviar เสิร์ฟพร้อม Serra Lupini Roero Arneis 2012 เป็นไวน์ที่ได้รับรางวัล Silver Medal จากงาน “Sommelier Wine Awards 2013”
Scampi สดอย่างไม่ต้องสงสัย เนื้อหวาน ๆ เข้ากับรสชาติบาง ๆ ของไวน์ได้เป็นอย่างดี ความครีมมี่เล็ก ๆ ในรสไวน์ก็ช่วยขับความนุ่มหวานของ Scampi ให้เด่นขึ้น
..และเข้ากันมากกับ Sea urchin espuma.. การใช้ Oyster leave ก็ยิ่งเน้นความกลมกล่อม ครีม ๆ ของไวน์ได้มากขึ้น จานนี้เหมือนยืนอยู่กลางสวนผลไม้ริมทะเลค่ะ..
ไวน์ตัวต่อมาเป็น Negro Dina Barbera 2012 ให้กลิ่นรสของพลัม เชอร์รี่ค่อนข้างชัดเจน แทนนินออกจะสูงอยู่สักหน่อย สำหรับการเป็นไวน์คอร์สสอง..
แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ไม่ยาก เมื่ออาหารมาเสิร์ฟค่ะ..
Raviolo filled with ricotta cheese, egg yolk and shavings of summer truffle
ความเข้มข้นและหนักแน่นของricotta cheese ผสานกลิ่นดินอ่อน ๆ ของ Summer truffle อร่อยมากมายจริง ๆ
ยิ่งได้ไข่แดงเยิ้ม ๆ แบบนี้.. อื้มมมมม..
เมื่อรับประทานคู่กับไวน์ ก็เป็นที่เข้าใจได้ค่ะ แทนนินเข้มนิด ๆ นี้ ช่วยให้จบจานนี้ได้อย่างสวยงาม ไม่เลี่ยนไปเสียก่อน
แก้วต่อมา Negro Cascinotta Barbaresco 2009 ไวน์ตัวนี้ได้รับ Wine Enthusiast 88 point awarded.. หอม ๆ กลิ่นอวล ๆ วนิลาดีค่ะ
ตอนนี้เชฟสายัณห์ หรือที่เรียกกันเล่น ๆ ว่าเชฟซายาโน่(จะได้เข้ากับชื่อห้อง 555) เป็นผู้ดูแลห้อง Rossini’s ค่ะ =)
มาแล้ว.. Bean soup with mussels and bottarga of mussels..
ตัวซุปรับประทานแล้วนึกถึงซุปเม็กซิกัน แต่ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบาทำให้ไม่หนักท้องจนเกินไปนัก รับประทานคู่กับไวน์แล้วนึกถึงสตรอว์เบอร์รี่ป่าที่พึ่งเก็บจากดินหมาดฝน..
ผ่านไปสามแก้วแล้ว ลำดับแก้วที่เดาไว้ทายถูกไหมคะ =) (ในภาพนี้เก็บไปแล้วแก้วนึง)
ไวน์ตัวต่อมา.. Negro Sudisfa Roero 2004
เป็นไวน์ที่หนักแน่นแต่นุ่มนวลมาก อวลกลิ่นเชอร์รี่ค่อนข้างชัด..
เสิร์ฟพร้อม Venison tenderloin with celery root and pomegranate sauce
เนื้อกวางนุ่มมากกกกกก เป็นการจับคู่ที่ว่านค่อนข้างชอบนะ เพราะถ้าใช้เนื้อวัว ต่อให้เป็น Wagyu ก็รู้สึกว่าไขมันที่แทรกอยู่ น่าจะกลบรสบอบบางบางส่วนของไวน์ไปพอสมควร ความGamey นิด ๆ ของเนื้อกวาง ก็เข้ากันดีกับความSpicy นิด ๆ ของไวน์เช่นกัน การใช้ Celery root puree ก็ช่วยเสริมในจุดนี้ แล้วก็ไม่มันและหนักลิ้นอย่างมันบดด้วย
มาถึงแก้วสุดท้ายแล้ว.. Dessert wine Birbet Moscato Rosso 2012
เสิร์ฟพร้อม Milk risotto with vanilla, bicolor Rainier cherries and a refreshing sorbet
รสชาตินุ่มนวลดีค่ะ ตัว Sorbet สดชื่นดีค่ะ แต่งเป็นผลเชอร์รี่ น่ารักเชียว..
ว่านเป็นคนที่ชอบ Dessert Wine กับ Ice Wine มาก แต่อกหักซ้ำซากอยู่เสมอ (Y_Y )
เพราะมักจะเจอ Dessert Wine ที่หวานเจื้อยแจ้ว.. ไม่รู้จะหวานไปไหน หวานไม่บันยะบันยัง..
พอได้มาเจอ Birbet Moscato Rosso 2012 ก็ยังชั่งใจอยู่นิด ๆ เพราะเห็นสีกลิ่นไกล ๆ แล้วชวนจินตนาการถึงยาแก้ไอ.. แต่พอได้จิบแล้วคนละเรื่องเลยค่ะ Dessert Wine ตัวนี้หวานอมเปรี้ยวน้อย ๆ กำลังดี มีความซ่านิด ๆ ชอบเลยค่ะ.. จับคู่กับ Milk risotto ก็นับว่าดีงามอยู่ แต่ไหงแอบนึกถึงข้าวเหนียวมูนมัน ๆ ไม่รู้สิ!
ปิดท้ายรายการอย่างงดงามด้วย Double Espresso..
เช่นเคยค่ะ ไม่อยากพลาดไวน์ดินเนอร์ดี ๆ แบบนี้ สามารถติดตามข่าวสารของโรงแรมได้ทาง https://www.facebook.com/sheratongrandesukhumvit และทาง http://exclusives.lc.com/Sheraton-Grande-Sukhumvit-Bangkok-357/restaurant-offers สำหรับ Restaurant Offer ต่าง ๆ นานา สูงสุดถึง 30%
ขอขอบคุณโรงแรม Sheraton Grande Sukhumvit ที่เชิญว่านมา Wine Dinner ที่น่าปลื้มทั้งไวน์และการจับคู่กับอาหารอันแสน”สม-รส”เช่นนี้นะคะ..
พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ