นั่งรถไฟ Akita Shinkansen ชมเพลิน ๆ เพียงชั่วโมงครึ่งจากเมืองเซนไดเราก็มาถึง..
จังหวัดอะกิตะเป็นอีกจังหวัดที่มีของดีขึ้นชื่อหลายอย่าง ทั้งอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ธรรมชาติที่สวยงามต่าง ๆ
มาคราวนี้ได้สัมผัสกันเกือบครบเลยแหละ โดยที่แรกที่เราไปคือ.. Kakunodate หรือชุมชนซามูไรเก่านั่นเอง..
Kakunodate ได้รับการขนานนามว่าเป็น Little Kyoto หรือเกียวโตน้อยแห่งโตโฮขุ เป็นย่านชุมชนซามูไรเก่าที่ยังมีความงดงามและได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบ 400 ปีแล้วก็ตาม..
Kakunodate ยังเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหน้าซากุระ เนื่องด้วยเป็นที่ ๆ มี Shidare-Zakura หรือซากุระพันธุ์ที่มีกิ่งห้อยย้อยลงมา ดูคล้ายต้นหลิวที่พร่างพราวไปด้วยสีชมพูอ่อนบาง.. แม้ช่วงที่เรามานี้ จะเป็นฤดูหนาว ไม่ได้หน้าซากุระแต่อย่างใด แต่ความงามแบบดั้งเดิมของ Kakunodate ก็ยังเปี่ยมเสน่ห์อยู่ดี
การเดินทางไม่ยากเลยค่ะ เพียงนั่งรถไฟมาสถานี Kakunodate ที่นี่จะมีศูนย์นักท่องเที่ยวอยู่ มีบริการมากมายทั้งในด้านข้อมูล แผนที่และฝากกระเป๋า ยืมรองเท้าลุยหิมะสำหรับในช่วงฤดูหนาว และอื่น ๆ อีกมาก..
อันที่จริงแล้ว จะเรียก Kakunodate ว่าเป็นเมือง ๆ นึงเลยก็ว่าได้ ถ้าเดินเพลิน ๆ เรื่อย ๆ ก็สามารถใช้เวลาซึบซับและชื่นชมอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน.. จะใหญ่แค่ไหน ดูจากแผนที่ http://kakunodate-kanko.jp/languages/en/pdf/kakunodate_map_en.pdf ก็ได้ค่ะ =)
ในบ้านเรือนของแต่ละตระกูลล้วนเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ อย่างชนชั้นซามูไร ชมได้อย่างเพลิดเพลินจริง ๆ
เห็นภาพหน้ากากสีแดงทางขวามือไหมคะ นั่นแหละค่ะคือภาพของ Namahage หรือยักษ์อันดุร้าย สวมเสื้อคลุมที่ทำจากฟางข้าว และถือมีดที่ทำจากไม้ ทุกปีในช่วงวันสิ้นปี และราวเดือนกุมภาพันธ์ นะมะฮะเงะก็จะเที่ยวตระเวนไปตามหมู่บ้านเพื่อจับเด็กไม่ดีหรือเด็กที่เกียจคร้านกิน.. เป็นเรื่องเล่าพื้นบ้านของAkita นะคะ
หลังจากอิ่มตาอิ่มใจกับวัฒนธรรม.. ก็ได้เวลาอิ่มท้องกันแล้วล่ะค่ะ..
มื้อนี้เป็น Inaniwa Udon เป็นอุด้งท้องถิ่นของอะกิตะ เส้นจะเล็กบาง ลื่นคอกว่าเส้นอุด้งอ้วนปี๋ทั่วไปค่ะ..
และในหม้อไฟนั้นก็คือ..
คิริทัมโปะ นาเบะ.. หรือหม้อไฟข้าวจี่.. เป็นอาหารพื้นบ้านของอะกิตะอีกเช่นกัน
ก็หม้อไฟนี่แหละ ใส่ Kiritanpo หรือข้าวจี่ปรุงรสพอกไม้ย่างไปด้วย เรียกว่าเป็นมื้ออุดมแป้งจริง ๆ
หลังจบมื้อก็เดินชมในส่วนของ Denshokan Museum ต่อค่ะ ค่าเข้าชมแค่ 300 เยน เป็นส่วนที่รวบรวมศิลปะและวิถีชีวิตพื้นบ้านของ Kakunodate แล้วก็มีขายสินค้าของที่ระลึกที่ทำจากเปลือกต้นซากุระที่เรียกว่า Kabazaiku ด้วยนะคะ
ภาพนี้เป็นภาพที่ว่านชอบมาก มีความรู้สึกว่ามันร่วมสมัยดีจัง ทั้ง ๆ ที่เป็นภาพอายุมากแล้ว..
ชอบถ่ายภาพข้างทางค่ะ.. ขอสักรูปนะคะ ^_^
Nishinomiyake http://nishinomiyake.jp/ เป็นบริเวณโรงเก็บของและยุ้งฉางเดิมของซามูไร ปัจจุบันเป็นส่วนของร้านขายของที่ระลึกและโรงน้ำชา บริการด้วยชาเขียวมัจจะ ขมชื่นใจ.. มีบริการเช่าชุด Hakama ด้วยนะคะ
นั่งดื่มขนม ชมชาเสร็จ.. พอมีเวลาเลยโทรไปทักทายท่านแม่หน่อยดีกว่า ตามประสาลูกที่ดี..
ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ได้ยึด Sim2Fly มาเป็นของตัวเอง(ชั่วคราว)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โทรกลับไปปุ๊บ.. เจอเลยจ้า.. ลูกที่ดี.. เจอท่านแม่บ่นว่ามีบ.บัตรเครดิต(เจ้าไหนไม่รู้ โฮๆๆๆ แม่ฟังไม่ถนัด) โทรมาทวงว่ายังไม่ได้จ่ายค่าบัตรเครดิตเดือนนี้นะจ๊ะ.. แทนที่จะโทรไปงุ้งงิ้งกับแม่ เลยกลายเป็นโทรไปเจอแม่บ่นซะงั้น (= = ) “ทำไมไม่จ่ายให้เรียบร้อย รีบไปจ่ายเลยนะ บลาๆๆๆๆ” วางสายแล้วอยากเขกกระโหลกตัวเองอีกหลาย ๆ โป๊ก โป๊กแรก.. นี่ถ้าซื้อซิม ตั้งโอนสายให้เรียบร้อยตั้งกะเมืองไทย.. แม่ก็ไม่รู้แล้วว่าลืมจ่ายค่าบัตรเครดิต หึหึหึ โป๊กสอง.. พอว่าจะจ่ายค่าบัตรเครดิตมันตรงนั้นแหละ แล้วก็ระลึกชาติได้ว่า.. ต้องรับ OTP ด้วย SMS จ้า.. เป็นอันว่าจบข่าวอย่างแท้จริง.. ได้แต่อดใจรอจนกว่าจะกลับไป..
แอบเซ็ง เลยโทรไปหาคุณเพื่อน ไหว้วานให้ช่วยจ่ายค่าบัตรเครดิตให้หน่อย เดี๋ยวซื้อหนมไปฝาก แหะแหะ คือใช้ Skype ใช้ LINE โทรมันก็ได้อยู่หรอก แต่ยังไงซะ ใช้ Sim2Fly มันก็ชัดกว่าจริง ๆ น่ะแหละ ไม่ต้องพูดหลายรอบหรือใช้เสียงดัง (คือเกรงใจชาวบ้านคนอื่นที่เค้านั่งจิบน้ำชาอารมณ์สุนทรีย์กัน) หัวไปยิ้มเผล่ให้เจ้าของซิมว่าเดี๋ยวกลับไปจะคืนค่าโทรให้นะพี่นะ พี่ท่านบอกนาทีละ10บาทเอง โทร ๆ ไปเหอะ ไม่เป็นไร..
จ้ะ.. คราวหน้ามาญี่ปุ่นจะไม่พลาดมีSim2Fly เป็นของตัวเองแล้วจ้ะ.. แล้วก็ไม่ลืมตั้งโอนสายด้วยนะ (>_< )
แค่บ่ายคล้อย.. ก็ดูเหมือนเย็นย่ำจนเงียบเหงา.. เรามาถึงทะเลสาบ Tazawa ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น..
และเป็นทะเลสาบที่ไม่มีวันเป็นน้ำแข็ง แม้อากาศจะเหน็บหนาวเพียงใดก็ตาม..
ด้วยหิมะ ด้วยบรรยากาศสลัวลาง.. Tatsuko ที่ยืนอยู่ช่างดูอ้างว้างแต่งามนักเหลือเกิน..
Tatsuko เป็นสตรีที่ปรารถนาจะคงความงามของตนไว้ตราบนิจนิรันดร์ แต่กลับกลายร่างเป็นมังกรและดำหายไปในทะเลสาบ Tazawa..
ในรูปนี้ Tatsuko คงไม่อ้างว้างแล้วเนอะ (^_^ )/
อะกิตะ .. นอกจากจะเป็นที่รู้จักในฐานะชื่อจังหวัด ๆ หนึ่งของญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นชื่อพันธุ์สุนัขอีกด้วย อย่างเจ้า Hachiko หมาผู้ซื่อสัตย์จนมีอนุสาวรีย์เป็นของตัวเองที่ชิบุยะ ก็เป็นพันธุ์อะกิตะนี้เอง..
ภาพซ้าย – หมาเมิน ภาพขวา – หมามอง..
ที่ฟาร์มอะกิตะ ยังมีขนมรูปหมาอะกิตะด้วย น่าร้ากกกก (ขนมรูปหมา แต่ให้คนกินนะจ๊ะ)
ผู้ร่วมคณะหลายคนเริ่มเหงาหงอย = ขาดการช็อปปิ้งอย่างจริงจัง เราจึงแวะกันไปที่ Yama no Hachimitsu-ya http://www.bee-skep.com/ http://www.akitaok.com/index.php?option=com_k2&view=item&id=144:%E5%B1%B1%E3%81%AE%E3%81%AF%E3%81%A1%E3%81%BF%E3%81%A4%E5%B1%8B-yama-no-hachimitsuya&Itemid=54&lang=en เป็นร้านขายสารพัดน้ำผึ้งจากท้องถิ่นอะกิตะ และทั่วญี่ปุ่น.. น้ำผึ้งที่ว่านี้ก็มีทั้งอุปโภคและบริโภค และนานาสินค้าจากน้ำผึ้งเชียวค่ะ
ที่เด็ดมากคือตัวนี้.. Honey Milk Jam.. ขายดีอันดับหนึ่งเชียวแหละ..
รสชาติเหมือนพุดดิ้งนมข้นหวาน มีกลิ่นนม ๆ และรสหวาน ๆ ของน้ำผึ้ง เอาไปทาขนมปังปิ้งหนา ๆ รับรองมีเคลิ้ม..
โทรถามแม่เลยดีกว่า ว่าเอากี่ขวด อิอิ
เป็นพุดดิ้งเนื้อนุ่มเนียน.. เรียกว่าแทบจะยกดื่มได้..
แต่แค่นี้ยังหาใช่จุดฟินของวันนั้นไม่..
ค่ำคืนนั้น เราพักกันที่ Komagatake Grand Hotel http://sanrok-komagatake.com/ อยู่ Nyuto Onsen หนึ่งในออนเซ็นที่มีชื่อที่สุดของญี่ปุ่น (บอกแล้วอะกิตะนี่แหล่งรวมของดีอีกแหล่งเลยแหละ) จากสถานี JR Tazawako มีบริการรถรับส่งด้วยนะคะ สอบถามได้เลย..
อาหารเย็นอย่างไคเซกิ..
เป็นความรื่นรมย์อีกอย่างหนึ่งในการพักเรียวกัง นอกเหนือไปจากการแช่ออนเซนเพื่อผ่อนคลาย และนอนฟูตงอุ่น ๆ อาหารไคเซกินี้ จะถูกจัดเตรียมและปรุงด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของฤดูนั้น ๆ มาบนจาน..
นอกเหนือจากรสชาติอันบรรจงแล้ว การตกแต่งประดิษฐ์ประดอย และถ้วยชามที่ใช้ก็ละเมียดไมไม่แพ้กัน..
สิ่งหนึ่งที่สมควรลิ้มลองนอกเหนือจากอาหาร (เฉพาะผู้อายุ20ปีขึ้นไปเท่านั้น) คือ Jizake คือสาเกท้องถิ่น และ Jibi-ru คือเบียร์ท้องถิ่น.. ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จริงจังด้านการสุรามาก มีสุราระดับท้องถิ่น (OTOPน่ะแหละ) ให้ร่ำกันได้อย่างเข้าถึงชนิดระดับชุมชน.. อย่างในภาพนี่ก็เป็น Jizake ค่ะ ลองถามพนักงานดูก็ได้นะคะ ว่า Jizake หรือ Jibi-ru แนะนำของแต่ละที่ มีอะไรบ้าง..
และน้ำชาล้างปาก ก็เป็นอันจบมื้ออย่างงดงาม..
แต่ก่อนนอนขอไปแช่ออนเซนอีกซักรอบนะคะ
อาหารเช้าที่นี่เป็นสไตล์บุฟเฟ่ต์ค่ะ
อาหารมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบญี่ปุ่นและฝรั่ง..
วันนี้เราเดินทางกันต่อ สู่ Morioka
ฟ้าเปิด.. สวยใส.. แดดดีจนกล้องในมือมันร่ำร้อง อดขอจอดแวะถ่ายภาพข้างทางไม่ได้..
หลังจากแวะแช๊ะภาพริมทางแล้ว จะไปเที่ยว ไปทำอะไรกันต่อ ติดตามได้ตอนหน้านะคะ แอบลงภาพยั่วไว้ก่อน อิอิ