ภูเก็ต.. จังหวัด/เมือง/เกาะ/แหล่งท่องเที่ยวที่ใครเขาว่าคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว จอแจ สับสน วุ่นวาย เอาใจแต่ชาวต่างชาติ..
หรือภูเก็ตจะสิ้นเสน่ห์งามแห่งไข่มุกอันดามันเมื่อครั้งอดีตไปแล้วหรือ..
คำตอบนั้นคือ..
“หนึ่งภาพ แทนพันคำ” ยังเป็นสิ่งที่สื่อความหมายได้เสมอ แต่ภาพเพียงหนึ่งภาพ อาจยืนยันได้ไม่เพียงพอ
เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าการเดินทางของว่านไปภูเก็ตครั้งนี้ ว่านได้ “ภาพ”ที่สื่อความเป็นภูเก็ตอย่างไรบ้าง =)
การเดินทางของเราเริ่มต้นที่สนามบินดอนเมืองกันแต่เช้า
เลยต้องเพิ่มพลังกาแฟกันเสียหน่อย..
เห็นมีแอปเปิ้ลหั่นพร้อมรับประทานของDole ด้วยค่ะ ดีจัง เป็นทางเลือกที่ดีของคนใส่ใจสุขภาพเนอะ (^^ )
พอมาถึงภูเก็ต แน่นอนว่าพลังขะเฟะอินของ Starbucks ย่อมไม่เพียงพอ
เราจึงมาเติมพลังขะเฟะอินต่อกันที่ The Coffee Club ค่ะ ของว่านเป็น Affogato =)
อันที่จริง The Coffee Club ว่านก็ว่าก็ยังค่อนข้างจืด..
ใครคอกาแฟchain ขอแนะนำ Segafredo ค่ะ แต่หายากจัง (-_-‘ )
ตื่นกันดีแล้ว ก็ไม่รอช้า.. ไปรับประทานอาหารเที่ยงกันดีกว่า หิวแล้วววว
มื้อแรกของเราทริปนี้คือที่ร้านยอดฮิตประจำจังหวัดพังงา ร้านปูดำนั่นเองค่ะ
แต่ถึงจะอยู่พังงา ก็ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตมาแค่ราว 50 ก.ม. เท่านั้นค่ะ
โดยวิ่งไปทางอำเภอโคกกลอยสายเก่า ตรงมาเรื่อย ๆ จะเจอร้านเยื้อง ๆ AIA มีป้ายใหญ่เด่นชัดมาก
Tel. -> 076-581-366 , 076-581-240
เมนูแรกกันเลย แกงส้มยอดมะพร้าว รสจัดดี แต่ไม่ถึงกับเผ็ดมากค่ะ
คนกรุงกินสบาย =)
ตามมาด้วยปลาทรายทอดขมิ้น อร่อยมาตรฐาน ไม่อมน้ำมัน..
ห่อหมกเนื้อนิ่มนวลดี รสไม่จัดมาก เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี..
ปลามงทอด ตัวไม่ใหญ่มาก กำลังพอดีกิน
ผักเหมียง/เหลียง(สุดแท้แต่จะเรียก อิอิ) ผัดกุ้งเสียบ ออกเค็มหวานตามสไตล์
ยำวุ้นเส้นทะเลรวม รสไม่จัดมากค่ะ
หมูผัดสะตอกะปิ จุดเด่นอยู่ที่เนื้อหมู นุ่มมากกก ผัดมาเข้าเนื้อดี เค็มหวานกำลังกลมกล่อม ได้รสชาติ ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่งเกินไป
สะตอสดกรุบ เคี้ยวเพลินค่ะ
กระเพาะหมูต้มเกียมฉ่าย.. ทีแรกนึกว่ารสจะออกมาเปรี้ยวนำเค็มตาม..
มาแบบสามรสเปรี้ยวเค็มหวานอย่างต้มส้ม ไปไม่เป็นเลยค่ะ (^^’ ) แต่กระเพาะหมูนุ่มดีนะคะ ไม่มีกลิ่นสาบ..
หมูผัดเต้าเจี้ยว.. ไม่มีอะไรน่าติดใจค่ะ หมูผัดสะตอกะปิชนะเลิศไปแล้ว..
จากนั้นเราจึงเดินทางเข้าสู่ที่พักบนหาดไม้ขาวของเรา..
Renaissance Phuket Resort & Spa
Tel. -> 076-363-999
Website -> http://www.marriott.com/hotels/travel/hktbr-renaissance-phuket-resort-and-spa/
Facebook Page -> https://www.facebook.com/RenaissanceHotels
Renaissance Phuket Resort & Spa เป็นโรงแรมในเครือ Marriott
ห่างจากสนามบินภูเก็ตเพียง 15 นาที ทอดตัวอยู่บนความสงบเงียบของหาดไม้ขาว มีเพียง 180 ห้อง จึงมีความเป็นส่วนตัว ไม่พลุกพล่าน..
ผู้เข้าพักจะใช้เวลาละเลียดเท้าไปกับทรายเนียนขาว หรือจะขี่จักรยานชมหาดก็ได้
บริเวณหาดไม้ขาวนี้มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เนื่องด้วยเป็นที่ตั้งของโรงแรมมากดาวแทบทั้งสิ้น..
ห้องพักเน้นความโปร่ง โล่ง เป็นหลัก
สีสันค่อนข้างสบายตา อย่างขาว ครีม ฟ้า เขียวตอง.. มีการใช้สีแจ่ม ๆ อย่างสีส้ม ช่วยขับเน้นความมีชีวิตชีวาในห้อง
ห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เกือบจะครึ่งนึงของตัวห้องพัก
อ่างอาบน้ำก็ขนาดสะใจตามไปด้วย.. Bathroom Amenity เป็นของ Pecksniff’s ด้วยล่ะ ชอบจังค่ะ =)
ก่อนออกจากห้อง ก็มีของมาส่ง =)
เป็นเทียนหอมของ Pañpuri จากแสนสิริ เพื่อต้อนรับเราสู่ “บ้านไม้ขาว”..
บ้านไม้ขาว เป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกของแสนสิริ หรืออาจเรียกว่าแห่งแรกของภูเก็ตเลยก็ว่าได้
ที่เป็น Beachfront Condominium หรือคอนโด”ติดหาด”อย่างแท้จริง
ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ Seaview Condominium หรือคอนโด”วิวทะเล”
ด้วยทำเลที่ดี มีความสงบงาม เป็นส่วนตัวของหาดไม้ขาว แวดล้อมด้วยเพื่อนบ้านชั้นดีซึ่งเป็นโรงแรมมากดาวอย่าง
Renaissance Phuket Resort & Spa, Anantara Phuket Villas, SALA Phuket Resort and Spa, JW Marriott Phuket Resort & Spa
ทั้งยังตั้งอยู่ในจังหวัดที่มากศัยภาพในแทบทุกด้านอย่างภูเก็ต
แสนสิริจึงตั้งใจสรรค์สร้างให้โครงการบ้านไม้ขาวนี้ ให้เป็นคอนโดระดับพรีเมี่ยมทั้งการออกแบบ รูปลักษณ์ และวัสดุ
ร้อยเรียงศิลปะพื้นถิ่นอย่างSino-Portuguese คงความเป็นTimeless Heritage ให้สมกับคอนเสปต์ของโครงการบ้านไม้ขาวที่ว่า “Unforgettable”
ห้องตัวอย่างแรกที่เราได้ชม เป็นห้องชุดขนาด 3 ห้องนอน
ตกแต่งสไตล์ Oriental Chic ให้ความรู้สึกถึงความเป็น Blue and white China เครื่องกระเบื้องเคลือบอันล้ำค่าจากแดนไกล..
ห้องตัวอย่างอีกแบบที่เราได้ชมนั้น เป็นห้องชุดขนาด 2 ห้องนอน
ตกแต่งสไตล์ใกล้เคียงกัน แต่มีความเป็นโมเดิร์นมากกว่า..
สิ่งที่สร้างความประทับใจและเปลี่ยนทัศนคติในการมาเยือนภูเก็ตครั้งนี้ก็คือหาดไม้ขาวนี่แหละค่ะ
ตัวว่านเองก่อนหน้านี้ยอมรับว่าค่อนข้างมองภาพภูเก็ตไปในทางเมืองท่องเที่ยว ไร้สิ้นซึ่งความสงบ..
แต่พอได้มาเห็นภาพเบื้องหน้านี้แก่ตาตนเอง ก็ต้องยอมรับว่าความงามพิสุทธิ์นั้นยังมีอยู่จริงที่ภูเก็ต..
เดี๋ยวจะว่ารูปงามเพราะกล้องเทพ.. =P
ทายถูกไหมคะ รูปไหนจาก Olympus OM-D รูปไหนจาก Samsung Galaxy SIII (^^ )
จากที่ตั้งของ Sale Gallery บ้านไม้ขาว พวกเราก็เดินกันกลับมาที่ Renaissance Phuket Resort & Spa
เพื่อรับประทานอาหารเย็นที่ห้อง Sand Box Restaurant and Bar
อาหารที่นี่หลากหลายทั้งไทยและฝรั่ง รสชาติค่อนข้างใช้ได้ มีทั้ง Hit-and-Miss และเกือบ ๆ จะ Hit คละเคล้ากันไป
ที่ค่อนข้างถูกใจเป็นตัว Pork chop.. ถึงเครื่องจิ้มกับแอ๊ปเปิ้ลเคียงจะค่อนข้างขาดรสชาติไปหน่อย ปลาสามรสก็มีคนชอบหลายคนค่ะ
ส่วนของหวานที่แนะนำคงเป็นชีสเค้ก แต่ตัวอื่นก็สั่งได้ค่ะ ไม่เสียดายปาก =)
เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศดีเช่นเคย..
พวกเราบ้างไปเดินเล่นริมหาดขาว ๆ บ้างไปปั่นจักรยานชมวิว แต่แน่นอนว่าสำหรับว่าน.. อาหารเช้าเท่านั้น =)
อาหารเช้าของที่ Renaissance Phuket Resort & Spa นี้ค่อนข้างหลากหลายตามสไตล์โรงแรมมากดาว
มีกระทั่งไข่ตุ๋น กล้วยแขก แม้แต่ Morning After Bloody Mary สำหรับผู้ที่ “เมื่อคืนเพลินไปหน่อย” =)
อย่าง Egg Benedict ก็มีทั้งแบบธรรมดา และ R Egg Benedict
ซึ่งเป็น Egg Benedict แบบเฉพาะของที่ Renaissance นี้ ใส่พริกและใบมะกรูดด้วย
หรืออย่าง R Pancake ก็เป็นแพนเค้กนุ่ม ๆ ราดชุ่มฉ่ำด้วยซอสที่เคี่ยวจากน้ำตาลปึก คล้าย ๆ น้ำราดกล้วยทับ
ระหว่างชิ้นแพนเค้กก็จะสอดไส้ด้วยกล้วยอีก.. =)
ถ้วยนี้ไปตักไอศกรีมกาแฟมาทำเองเป็น Double Affogato (^_^ )
หลังจากปล่อยให้เวลาไหลผ่านคลอเคล้าไปกับความสงบของหาดไม้ขาวแล้ว
พวกเราก็ไปรับประทานอาหารเที่ยงที่แพครูวิทย์ ณ เกาะมะพร้าวกันค่ะ ต้องนั่งเรือไปซะด้วย..
http://www.kruvitraft.com
อาหารที่แพครูวิทย์นี้ก็เป็นนานาอาหารทะเลรวมถึงอาหารพื้นเมือง ความสดถือว่าผ่าน..
จานที่ค่อนข้างแนะนำก็จะเป็นกุ้งลายเสือเผาเนยกระเทียมและปลากะพงแกงส้มยอดมะพร้าว
ปลาบนน้ำแข็งนี้คือปลาดิบปลาย่ำสวาทหรือปลากะรังจุดฟ้าค่ะ =)
หลังอาหารเที่ยง เราก็แวะมาเยี่ยมชมบ้านตัวอย่างของโครงการบุราสิริ เกาะแก้ว
“บุราสิริ เกาะแก้ว” เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่ภูเก็ตโครงการแรกของแสนสิริ
http://www.sansiri.com/singlehouse/burasiri_kohkaew_phuket/th/home/index.aspx
ด้วยพื้นที่ของโครงการบุราสิริเกาะแก้วโอบล้อมด้วยขุนเขา การออกแบบจึงอิงล้อไปกับความเป็นภูผา..
ใช้เส้นสายและวัสดุที่ให้ความรู้สึกหนักแน่นของรูปลักษณ์ ไม่เน้นเชิงชายที่ฟุ่มเฟือย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามสมนาม “ภูเก็จ”
บ้านตัวอย่างที่เราได้ชมกันนั้น เป็นแบบ “บุราบุลกิต” พื้นที่ใช้สอย 178 ตร.ม. 3ห้องนอน 3ห้องน้ำ..
มีห้องพักผ่อนชั้นบนด้วย แสงกำลังสวยเลยค่ะ =)
ถ้าจะถามว่าที่ต่างจังหวัด แม้จะเป็นเมืองใหญ่ก็ตาม.. บ้านเดี่ยวในโครงการจัดสรร จะดีกว่าบ้านเดี่ยวสร้างเองยังไง
ที่เห็นเด่นชัดคงเป็นเรื่องคุณภาพการสร้างค่ะ เพราะว่านก็มีเพื่อนเยอะที่สร้างบ้านที่ต่างจังหงวัด แล้วมีปัญหากับผู้รับเหมาค่อนข้างมาก
อีกอย่างหนึ่งคงเป็นเรื่องของความปลอดภัยและสังคม..
แน่นอนว่าบ้านเดี่ยวสร้างเอง เนื้อที่ย่อมใหญ่กว่าบ้านจัดสรรในโครงการอยู่แล้ว
แต่ในเรื่องของความปลอดภัย ความสะอาด พื้นที่ส่วนกลาง รปภ. แม่บ้าน คนสวน เหล่านี้ ก็เป็นเรื่องสำคัญของการอยู่อาศัย
ส่วนในเรื่องของสังคม สิ่งที่จะแวดล้อมและดูแล “บ้าน” ของคุณไปอีกนาน ก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไปไม่ได้เช่นกัน..
ลองพิจารณากันดูนะคะ =)
หลังจากชมโครงการบุราสิริ เกาะแก้ว.. ก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว
เราจึงมานั่งพัก รับแอร์เย็น ๆ และชายามบ่ายกันที่ “Sansiri Lounge Phuket”
Sansiri Lounge Phuket ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต
เป็น Living Lounge สำหรับลูกบ้านของแสนสิริสามารถมานั่งพักผ่อน ดื่มชา Balankura’s Tea no.57 กันได้
ใน Sansiri Lounge Phuket นี้ยังมีเรื่องราวความเป็นมาของ “แสนสิริ” อีกด้วย
อย่างขวาบน จะเป็นโฆษณาของบ้านแสนสราญ คอนโดโครงการแรก ๆ ของแสนสิริที่หัวหิน
ในรูปแบบตอนจบของนวนิยาย “ปริศนา” .. น่ารักดีค่ะ =)
มื้อเย็นวันนั้น เป็นที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยน ACQUA ที่หาดกะหลิมค่ะ
Tel. -> 076-618-127
Website ->http://www.acquarestaurantphuket.com/
Facebook Page ->https://www.facebook.com/acqua.phuket
บรรยากาศเป็นไปอย่างupscale ไม่ผิดไปจากร้านอิตาเลี่ยนชั้นดีในกรุงเทพ สมกับที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของทางใต้
รสชาติอาหารก็ไม่ด้อยไปกว่าบรรยากาศเท่าใดนัก..
จานที่ถูกใจเห็นจะเป็น Burrata cheese with Culatello di Zibello and fresh figs
Sauteed of Mediterranean mussles with flat Italian parsley and garlic
sprinkled with Vermontino wine, served with grilled ciabatta bread. แทบจะเอา ciabatta วิดน้ำขอดจาน..
Lasagna with beef ragout and bechamel sauce. อบมาร้อน ๆ หน้ากรุบกรอบ รสชาติดีค่ะ
ขนมหวานก็ใช้ได้ค่ะ สั่งได้ไม่เสียดายปาก อย่าลืมเผื่อท้องไว้ด้วย =)
คืนนั้นเราพักกลางเมืองภูเก็ตเลย Casa Blanca Boutique Hotel Phuket
Tel. -> 076-219-019, 080-535-4884
Website -> http://www.casablancaphuket.com/
Facebook Page -> https://www.facebook.com/casablancaboutiquehotel
Casa Blanca Phuket เป็น Boutique Hotel เล็ก ๆ ตกแต่งเน้นสีขาวอิงล้อไปกับชื่ออันมีความหมายว่า “บ้านสีขาว”
เป็นโรงแรมที่น่ารักดีค่ะ ตกแต่งแต่ละห้อง แต่ละชั้นไม่ซ้ำกัน
คืนที่เราไปพัก ระบบ Solar Cell ของทางโรงแรมมีปัญหา ทำให้บางห้องไม่มีน้ำอุ่นใช้
ซึ่งหนึ่งในห้องผู้โชคดีก็ได้แก่ห้องว่านนั่นเอง (>_< ) แต่ว่านก็อาบน้ำนะ หึ.. เย็นก็อาบ..
เช้ามามีเวลานิดหน่อย เราก็เดินชมตัวเมืองภูเก็ตกัน
ที่ภูเก็ตนี้มีหิ้งเทียนกุงเหมือนที่ปีนังเลยค่ะ ว่านเคยเขียนไว้ใน
มาแล มาเลเซีย เที่ยวไม่ไกล ไปกันไหม เกาะปีนัง พัก Holiday Inn Resort Penang ตอน1
http://wan-nam.com/lets-go-to-penang/
เป็นวัฒนธรรมร่วมถื่นกันเนอะ =)
ทีแรกว่าจะกินโจ๊กแถวโรงแรม แต่.. ปิด
เลยเดินเรื่อยเปื่อยหาอะไรกินกัน ก็มาเจอะ Gallery Cafe by Pinky
http://www.gallerycafe-phuket.com/
เดินเล่นกันเพลิน ๆ แล้วก็กลับมาโรงแรมเก็บข้าวของเตรียมกลับกรุงเทพค่ะ
ก่อนกลับก็ต้องแวะไปถนนดีบุกเพื่อสักการะร้านระย้ากันตามธรรมเนียม..
เมนูก็มาตรฐานร้านนี้ค่ะ แกงปู-หมี่ฮุ้น หมูฮ้อง กุ้งมะขาม และอื่น ๆ
รสชาติก็กลมกล่อมทุกจานค่ะ สั่งได้ ถูกใจคนกรุงแน่นอน..
มีทอดมันปลากะพงที่เป็นอาหารพิเศษวันนั้น เนื้อหนึบนุ่มดีค่ะ ถูกใจ (^_^ )
ล้างปากกันด้วยลูกลานลอยแก้วค่ะ
กระซิบนิดนึงว่าใครจะสั่งเส้นหมี่-แกงปูใส่ใบชะพลูกลับบ้าน ให้รีบสั่งแต่เนิ่น ๆ นะคะ เค้าแพ็กนานนนนนนนนน น มาก..
เกือบตกเครื่องกันเลยเชียว..
และแล้วก็บ๊ายบายภูเก็ต กลับสู่เมืองกรุง..
ขอบคุณที่ติดตามกันเสมอมา ขอบคุณทาง Olympus Thai ที่ใจดีให้ว่านได้ลองใช้ OM-D ด้วยนะคะ
เจอกันทริปหน้า สวัสดีค่ะ (^^ )