ว่านเป็นแฟนข้อเขียนของอาจารย์ชลิดาภรณ์ อาจารย์มักให้ข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องความรัก-ความสัมพันธ์อยู่เสมอ
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา อาจารย์เขียน ทวิตรัก หมายเลข 11: รักเธอแต่ไม่ชอบเธอ ทำไงดี
เป็นเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่ง มาคุยกับอาจารย์เรื่องความสัมพันธ์กับแฟนที่ดูขาด ๆ หลายเรื่อง และการเรียกร้องให้ผูกมัดมากขึ้น
ชายคนนี้ยอมรับว่ามีแฟนเข้ามาในชีวิตแล้วชีวิตดีขึ้น เป็นระเบียบขึ้น มีความมุ่งมั่นขึ้น

แต่.. ไม่ยักอยากถ่ายรูปคู่ ไม่อยากไปเที่ยวทะเลกันสองคน ไม่อยากเอาใจ..

ยิ่งฝ่ายหญิงเริ่มพูดเรื่องแต่งงาน ทั้งอ้อม ๆ และตรง ๆ ฝ่ายชายก็ยิ่งอยากถอยห่างมากขึ้น
ฝ่ายชายทิ้งท้ายเรื่องไว้ว่า “ผมคิดว่าผมคงรักเขาไม่พอที่จะเปลี่ยนตัวเอง เหรอครับ ผมไม่แน่ใจ หรือมันแค่ขาดความหลง”

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วว่านก็ได้แต่ส่ายหัว.. ไม่หรอก
คุณไม่ได้“รัก”แฟนหรอก
แค่สะดวกดี ที่มีคนมาทำนู่นทำนี่ให้ ทำให้ห้องสะอาด บ้านช่องมีระเบียบ ทำให้มีอาหารในตู้เย็น
หากขาด”แฟน”คนนี้ไป ชีวิตก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรหาย
แค่ลำบากกาย แต่ไม่ได้ลำบากใจเท่านั้นเอง..

จริง ๆ ผู้ชายคนนี้ก็ค่อนข้าง”แมน”อยู่นะคะ
ยอมรับตรง ๆ ว่าแฟนคนนี้ทำให้ชีวิตดีขึ้น
ยอมรับด้วยแน่ะว่าไม่ได้อยากเอาใจ ไม่ได้อยากไปเที่ยวทะเลไหน ๆ กันสองคน..

ก็ได้แต่หวังว่าวันนึงเขาจะยอมรับว่าไม่ได้“รัก”แฟนคนนี้ ก่อนจะสายเกินไป
การยอมรับว่าไม่ได้รักใครสักคนที่เราคบอยู่ มันยากนะคะ
เพราะมันจะกลายเป็นเหมือนกับว่าเราต้องแบกรับความรู้สึกที่ว่า ถ้าไม่ได้รักแล้วคบทำไม
อีกฝ่ายก็จะมีคำถามว่า ไม่ได้รักแล้วที่ผ่านมาคืออะไร
ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว ความรักก็เหมือนทุกสิ่งในโลกนี้.. มีเกิดขึ้นได้ ก็มีหมดไปได้

เวลาคนเราเริ่มมีความรัก มักจะลืม( หรือไม่ก็ไม่ทันคิด )ไปว่าสิ่งที่มาควบคู่ไปกับความรักคือความสัมพันธ์
ซึ่ง.. หลาย ๆ ครั้ง มันเป็นความสัมพันธ์แบบเส้นขนาน หรือไม่ก็ไม่บรรจบกันนี่สิคะ

ข้อเขียนตอนหนึ่งของอาจารย์กล่าวว่า
“คนมักคาดหวังให้คนรักเข้าใจ รับฟังและเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญในชีวิต
เพื่อจะเป็นเพื่อนคู่คิดก็ควรจะเห็นโลกร่วมกันพอที่จะพูดกันรู้เรื่อง แลกเปลี่ยนความเห็นกันได้
ถ้าทนฟังสิ่งที่คนรักพูดไม่ได้หรือไม่ชอบทุกสิ่งที่เขาสนใจ การสนทนาแลกเปลี่ยนก็ติดขัดๆ พูดกันไม่ได้หรือไม่รู้เรื่อง
จนฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายถอยเข้ามุมไปอยู่กับความเงียบงันแบบต่างคนต่างอยู่”

การที่คนสองคน พื้นเพต่างกัน การเลี้ยงดูต่างกัน จะมาอยู่ด้วยกันนี่มันยากนะคะ
ขนาดพี่น้อง โตมาด้วยกัน ไม่ลงรอยกันยังมีเลย
แต่ก็อีกน่ะแหละ เพื่อนบางคน ถูกคอกัน รสนิยมความคิดความอ่านสอดคล้องกัน
เราไม่เห็นยักจะอยากไปคบเป็นแฟนกับมัน.. ก็มีแฮะ

สิ่งที่จะทำให้ความรักคงอยู่ ความสัมพันธ์พัฒนาต่อไปได้ คือความโหยหา..
ไม่ต้องถึงขนาดอยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนรักวัยรุ่น
แต่ถ้ามีแฟนแล้วอยู่ก็ได้ ไม่อยู่ก็ได้ ไม่เจอก็ไม่เป็นไร สบายดี ชีวิตไม่ได้ขาดอะไรไป..
อันนี้ชักน่าหนักใจนะคะ

ยิ่งถ้าเจอกันแล้วไม่ลงรอยกัน ระหองระแหงกันตลอดเวลา
พูดอะไรขึ้นมาก็ไม่เข้าหู ไม่อยากอยู่ด้วย ไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากใช้เวลาด้วยกัน
ไม่อยากเอาใจ ไม่อยากเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย..
..อันนี้น่าหนักใจมากค่ะ

ถ้าไม่รักหรือหมดรักแล้ว ก็บอกเลิกไปดีกว่า
การอยู่ในภาวะว่างโบ๋ทางความสัมพันธ์ ไม่ดีกับใครเลย..
ยิ่งยืดเยื้อ ฝ่ายหนึ่งก็ยิ่งผูกพัน และยิ่งร้อนรนในความรู้สึกว่าทำไมความสัมพันธ์ไม่ไปไหนสักที
ส่วนอีกฝ่ายก็ยิ่งร้อนรน.. แต่ในทางว่าทำไมต้องมาผูกมัดกัน ทำไมต้องมาทำตัวเจ้ากี้เจ้าการ..
ก็ยิ่งไม่อยากเจอ ไม่อยากอยู่ด้วย

แล้วจะคบกันต่อไปทำไมคะ

ถ้าไม่หยุดคิด.. แล้วถามตัวเองจริง ๆ ว่า ยังรักกันอยู่ไหม ยังเหลือความรักต่อกันหรือเปล่า
ถ้ายังมี ก็เริ่มต้นกันใหม่
แต่ถ้าไม่.. อย่าทำร้ายกันต่อไปอีกเลยค่ะ

การเลิก ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่ก็ดีกว่าอยู่ไปโดยที่ไม่ได้รัก.. นะคะ

** First published at http://catmint.in.th/ **