Mono Sei เป็นร้านOmakase Sushi ตั้งอยู่บริเวณโรงแรมInterContinental ฝั่งเดียวกับห้องอาหารFireplace Grill & Bar
Omakase Sushi หรือซูชิแบบ“ตามใจเชฟ” ซึ่งไม่มีเมนูที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นแต่ละวันจะมีปลาและอาหารทะเลสด ๆ อะไรจากญี่ปุ่นบ้าง ดูจะเป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่นั้นยังเป็น Omakase Sushi อย่าง Edomae style ซึ่งมีขนบและลำดับการใช้ปลาและอาหารทะเลที่เป็นหน้าอย่างค่อนข้างเคร่งครัด แต่ที่Mono Sei นี้ เป็น“Sho” style ซึ่งหากจะอธิบายให้เข้าใจอย่างง่าย ก็ต้องเรียกว่าซูชิแบบ”ตามใจและตามการสร้างสรรค์ของเชฟ” ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากที่ญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะได้เอร็ดอร่อยกับ”หน้า”หรือปลาและอาหารทะเลต่าง ๆ ที่เชฟจะเลือกมาเป็นเครื่องซูชิของวันนั้น ๆ แล้ว ยังได้เพลิดเพลินกับความหลากหลายและอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ ทั้งจากบกและทะเลนอกเหนือไปจากNigiri Sushi อีกด้วย

 

“Sho” style มักเริ่มด้วยอาหารคำน้อยต่าง ๆ นานา เพื่อเป็นการแสดงฝีมือของเชฟ จากนั้นจึงตามด้วย Nigiri Sushi แต่ก็สามารถสลับไปมากับอาหารอื่นด้วยเช่นกัน และที่ Mono Sei นี้ เชฟต้อนรับเราด้วยเหล้าYuzu อันหวานหอมและเปรี้ยวกำลังดีเพื่อเรียกน้ำย่อย 

จากนั้นจึงเริ่มมื้อด้วย Agedashi Goma Tofu(ขวา) และMadai ni Nanbanzuke(ซ้าย) และ Kamo to Tomato no Reisai(กลาง)
ซึ่ง Agedashi Goma Tofu นั้นทำได้ดีมาก เต้าหู้งายังมีความกรอบของแป้งที่ชุบทอด และdashi ที่ปรุงรสมาพอดี ๆ

  

ถัดมาคือ Nama Kaki ที่ใช้หอยนางรมจากIwate ปรุงรสด้วยน้ำส้มออกเปรี้ยวนิด ๆ เรียกความสดชื่น..  

จากนั้นจึงเป็น Tsukuri หรือปลาดิบนั่นเอง ในวันนั้นของเรา เชฟเลือกมาเป็นChutoro และBotan ebi สด ๆ เคียงมากับ Aburi Otoro ในผอบน้อย งานนี้ก็ต้องเรียกว่าเป็นการเริ่ม “โชว์ของ” ความสดให้ได้ตื่นเต้นกันล่ะ!!
 

เริ่มไต่ระดับความเข้มข้นของรสชาติขึ้น กับAnkimo หรือตับปลาMonkfish จากOkinawa ที่มีความหวานมันเป็นพิเศษ ไร้ขมหรือคาวขื่นแม้สักน้อย
 

ตามมาด้วย Kegani หรือปูขนญี่ปุ่น ที่มาทั้งเนื้อปูและมันปู เสิร์ฟพร้อมKanizu หรือน้ำจิ้มปูอย่างญี่ปุ่นที่เบสจากน้ำส้มสายชู รสชาติเปรี้ยวอ่อน ๆ ช่วยดึงความหวานของปูให้เด่นชัดขึ้น

Anago Tempura Uni Caviar Nose เป็นเมนู”มงลง”สำหรับเราในค่ำคืนนั้น หากไม่นับNigiri Sushi ต่าง ๆ .. ที่Mono Sei ทำอาหารทอดประเภทเทมปุระได้ค่อนข้างดีมากจนต้องขอชม

  
Yuzu Sherbet คำน้อยมาเป็น Palate cleanser เพื่อจะบอกว่าเดี๋ยวจะเริ่มเข้าสู่ของจริงกันแล้วจ้ะ.. 
 
และNigiri Sushi คำแรกของคืนนั้นก็คือ.. 

Madai เนื้อขาวใสจากEhime ท็อปด้วยYuzu Jelly ใช้รสเปรี้ยวขับหวานเช่นกัน 
 
ตามมาติด ๆ ด้วย Akami Zuke หรือเนื้อแดงของปลาทูน่าจากNagazaki บ่มซอส

Kuruma Ebi ที่นี่ไม่ได้มาแบบธรรมดา.. 
 

มีลูกเล่นคำละครึ่งตัว เสิร์ฟกับโชยุและเกลือให้ได้ลิ้มลองทั้งสองแบบ
ลองแล้วมาบอกกันบ้างนะคะ ว่าชอบแบบเข้าโชยุหรือเข้าเกลือ.. 

ตามมาด้วย Aburi Nodoguro Kodonburi ที่ใช้ปลาNodoguro เผาไฟพอสะดุ้งผิวให้น้ำมันปลาหอม ๆ ออกมา พร้อมน้ำซุปและข้าวคำน้อย

เรายังอยู่กับความเป็นSushi แต่บอกเลยว่าเป็นลูกเล่นที่ไม่มีในEdomae style..
Mushi Awabi หรือหอยเป๋าฮื้อนึ่ง หั่นมานุ่มหนาเคี้ยวได้เต็มปากคำ เสิร์ฟพร้อม”ตับหอยเป๋าฮื้อ”ซึ่งนำไปบดปรุงเข้าซอสกับสาหร่าย(ซ้าย) และไข่แดง(ขวา) มาให้เราได้ลองทั้งสองแบบ

จากนั้นเชฟจะถามว่าเราชอบซอสแบบไหน แล้วจึงปั้นข้าวคำน้อยใส่ให้เราได้กินกับซอสนั้นอย่างจุใจ (ลืมถามว่าถ้าตอบว่าชอบซอสทั้งสองอย่าง เชฟจะให้เราทั้งสองซอสไหม) ส่วนใครที่เห็นคำว่าตับแล้วกลัวขมหรือมีกลิ่นรสใด ๆ นั้น ขอตอบว่าตับหอยเป๋าฮื้อถือเป็นของดี ไม่แพ้Ankimo มีความหวานเข้มข้น.. อยากให้ลองดู

ความเพลิดเพลินอีกอย่างหนึ่งของการรับประทานOmakase Sushi นอกเหนือไปจากการลุ้นว่าในวันนั้นจะได้รับประทานอะไร.. ก็คือการที่เชฟจะหมั่นมาโชว์ของดี หรือจะเรียกว่ายั่วก็เป็นได้ กับวัตถุดิบสด ๆ ดี ๆ ที่เชฟไปสรรหามาได้ มาอวดให้ดูว่า นี่จ้ะ เดี๋ยวต่อไปคุณจะได้กินสิ่งนี้นะจ๊ะ ดูสิว่ามันน่ากินแค่ไหน ซึ่งเชฟก็ภาคภูมิใจนำเสนอตั้งแต่ปูTaraba เนื้อMatsusakaลายพร้อย..  

จนไปถึงLobster สด ๆ เป็น ๆ ที่มาขยับก้ามลาพวกเราให้ดูว่าสดจริงจังขนาดไหน

สลับกลับมาที่ Shabu shabu.. 

ที่เรียกว่ามาทั้ง Surf & Turf เริ่มด้วยปูTaraba สดหวาน ซึ่งลวกได้สุกพอดีกิน ไม่มากหรือน้อยไป มากับน้ำจิ้มชาบูทั้งแบบPonzu และแบบงา.. 
,

     
ตามมาด้วยเนื้อMatsusaka ลายพร้อยเมื่อกี้นี้นั่นแหละ ที่เชฟยั่ว.. เสิร์ฟสุกพร้อมกิน

Mozuku Su หรือสาหร่ายMozuku เข้าน้ำส้มสายชูบอกเราว่าเป็นการ”ล้างปาก”อีกครั้ง เพื่อเข้าสู่”เมนคอร์ส”แล้ว
 

พลิ้ว ๆ มาเบา ๆ ใส ๆ กันก่อน กับ Hirame Kobujime หรือปลาฮิระเมะบ่มในสาหร่ายคมบุ

ก่อนจะจัดเต็มด้วยพระเอกที่ใคร ๆ ก็เฝ้ารอ.. 

Otoro แน่นอนว่าเป็นHonmaguro จากKagoshima
 
และUni 

Anago เนื้อนวลเนียน.. ฉ่ำซอสกำลังงาม 

Shiroebi นั้น มาในแก้วค็อกเทลพร้อมสามสหาย Uni Ikura และCaviar ประดับด้วยทองเปลวดูอลัง

ตามมาด้วย Lobster ที่เราแผ่เมตตาในใจให้เมื่อสักครู่.. แล้วกินอย่างซาบซึ้งในความสดหวาน

Maki roll ของวันนั้นเป็นไส้ Nakaochi หรือเนื้อMaguroบริเวณก้าง และUni กับIkura
พร้อมซุปมิโสะ กับผักดองที่ออกมาเป็นเครื่องหมายบอกว่าจบมื้ออาหาร

 
ตบท้ายด้วย Tamagoyaki หนานุ่ม ออกหวานเล็กน้อย
 
แต่นั่นยังไม่ใช่การอำลาเพราะของหวานยังรอเราอยู่ ในวันนั้นเราได้ลองเป็น Fruit Daifuku แป้งโมจิหนุบนุ่ม คั่นด้วยถั่วแดงบดนวลเนียน สอดไส้ด้วยองุ่นเขียวShine Muscat ไร้เมล็ดลูกโต หวานฉ่ำ มีเปรี้ยวอ่อนบางทิ้งท้ายจาง ๆ อย่างมีจริต..

และ Cream Anmitsu หรือไอศกรีม ใส่Shiratama dango กับถั่วแดงบด โรยด้วยผงถั่วเหลืองKinako และน้ำเชื่อมอ้อยKuromitsu

หากไม่รับประทาน แพ้ หรือไม่ชอบอาหารใดไม่ว่าจะบกหรือทะเล สามารถแจ้งทางร้านล่วงหน้าได้ วันนั้นแอบเห็นแขกท่านอื่นที่ไม่กินเนื้อวัว หรือหอยนางรม เชฟก็จัดอย่างอื่นให้ได้เช่นกัน.. ตามใจเชฟ แต่เชฟก็ตามใจเรานะ =)

เตรียมเวลาไว้สัก3ชั่วโมงกับการละเลียดรสชาติ เพลิดเพลินกับการอวดของสดใหม่ของเชฟ และชมการปรุงอาหารและปั้น Nigiri Sushi โดยฝีมือเชฟซูชิผู้ชำนาญการ ในราคาท่านละ12,000บาท++

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำรองที่นั่งและติดตาม Mono Sei กันได้ที่ https://www.facebook.com/Monosei-104777934207189/ ขอบคุณ Mono Sei ที่เชิญว่านน้ำไปลองOmakase Sushi นะคะ
ขอบใจภาพงาม ๆ ฝีมือน้องExGave เช่นเคย แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ (^_^)