จาก มาแล มาเลเซีย เที่ยวไม่ไกล ไปกันไหม เกาะปีนัง พัก Holiday Inn Resort Penang ตอน1
หลังจากเดินสนุกกับการถ่ายรูปกันจนเริ่มจะตึง ๆ ขา ก็มารับประทานอาหารกลางวันกันที่ CF Food Court
49-F Pengkalan Weld (at Armenian St Ghaut), George Town, Penang, Malaysia
มีอาหารให้เลือกเยอะเชียวค่ะ.. สนนราคาก็พอ ๆ กับ Food Court ของบ้านเรานี่ล่ะ
คราวนี้ได้กินมะพร้าวมาเลย์สมใจซะที.. ลองให้รู้ =)
Penang Lor Bak – ของทองรวมจิ้มน้ำจิ้มสองอย่างค่ะ
จริง ๆ ตัว Lor Bak คือหมูสับหมักผงพะโล้ ห่อด้วยฟองเต้าหู้ทอด.. กินเพลิน ๆ ดีค่ะ
Mee Goreng.. จานนี้เฉย ๆ ค่ะ ไม่ชิมไม่เสียดาย..
Char Kway Teow หรือก๋วยเตี๋ยวผัด.. จานนี้อร่อยมากค่ะ เส้นหนึบนุ่มกำลังดี หอมกลิ่นกะทะ เครื่องเยอะ ปรุงมาค่อนไปทางเผ็ดนิด ๆ ถูกใจ <3
กินร้านอื่นในปีนังก็อร่อยไม่เท่าที่นี่ค่ะ
Yong Tau Foo ญาติกับเย็นตาโฟบ้านเรานี่เอง แต่ไม่ได้ใส่เต้าหู้ยี้ ( หรือถ้าทั่วไปก็ซอสสีจัด ) อย่างบ้านเรา
ซดร้อน ๆ คล่องคอดี แต่ก็ไม่มีอะไรน่าติดใจเป็นพิเศษค่ะ
หมูแดง – หมูกรอบ.. เลอค่าแก่การไปเยือนค่ะ ไอ้ตรงเกรียม ๆ ไหม้ ๆ นี่อร่อยนักแล แหะแหะ
หมูนุ่ม ปรุงรสมาพอดีค่ะ
ไก่ต้ม – เป็ดย่าง.. กินเพลิน ๆ เช่นกันค่ะ สั่งมาได้ไม่เสียดายปาก..
หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารกลางวันง่าย ๆ กันแล้ว
เราก็ไปชมความงามของ Pinang Peranakan Mansion http://pinangperanakanmansion.com.my/
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ RM10 เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ฟรีค่ะ
Peranakan Chinese ชาวจีนเปอรานากัน หรือที่เรียกกันว่า Baba-Nyonya บ้าบ๋า-ย่าหยา นั้น
คือจีนโพ้นทะเล เป็นเชื้อสายของชาวจีนที่อพยพจากแผ่นดินใหญ่มาตั้งรกรากอยู่ในแถบคาบสมุทรมลายู
เรียกว่าเป็นลูกครึ่งจีน-มลายู ที่เกิดในมาเลเซียและอินโดนีเซียนี่เอง ศิลปะและวัฒนธรรมต่าง ๆ จึงเป็นการผสมผสานระหว่างจีนและมลายูอย่างน่าสนใจ
และ Pinang Peranakan Mansion ก็ยังคงไว้ซึ่งความงามของชีวิตชาวเปอรานากันไว้ได้เป็นอย่างดี..
จะเห็นได้ว่าเป็นฉากถ่าย Pre-Wedding อย่างงามเชียวแหละ =)
Pinang Peranakan Mansionนี้ เป็นบ้านของ Kapitan ( กัปตัน ) Chung Keng Quee
เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง The Little Nyonya บ้าบ๋า ย่าหย๋า “รักยิ่งใหญ่จากใจดวงน้อย” ที่เคยโด่งดังในบ้านเราเมื่อปี 2553
ละครดีนะคะ ควรค่าแก่การหามาดู.. ผลิตโดย Singapore MediaCrop TV Channel 8 ค่ะ
ในส่วนของเรือนครัวท้ายบ้าน เขาเปิดเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ชื่อ Nyonnya Delights.. แอบกระซิบว่า Cendol หรือลอดช่องที่นี่ไม่ควรพลาดค่ะ =)
อิ่มท้องแล้ว อิ่มตา อิ่มใจแล้ว ก็ได้เวลาซื้อของฝากค่ะ ที่ The Chocolate Boutique
22 Lebuh Leith, Georgetown, 10200 George Town, Penang, Malaysia
ที่นี่มีขายช็อคโกแลตหลากหลายแบบ ทั้งไส้ผลไม้, Dark Choc Chilli , Durian Bittersweet Choc และอีกเยอะมากกกก
รวมถึงPenang White Coffee ที่ขึ้นชื่อด้วย มีทั้งกาแฟคั่วบดรวมถึงกาแฟสำเร็จหลากหลายแบบ ลองไปดูกันได้นะคะ
หลังจากนั้นพวกเราก็ไปจิบชายามบ่ายกันที Macalister Mansion
228 Macalister Road, 10400 George Town, Penang, Malaysia.
Website -> http://www.macalistermansion.com/
Facebook Page -> http://www.facebook.com/Macalister.Mansion
Macalister Mansion นั้น ตั้งชื่อตามนามของ Sir Norman Macalister ผู้สำเร็จราชการชาวอังกฤษคนแรกของปีนัง ทั้งยังเป็น Prince of Wales Island อีกด้วย Macalister Road ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Macalister Mansion ก็ตั้งตามนามของท่านเช่นกัน
ตัว Macalister Mansion เองเป็นคฤหาสน์เก่า นำมาปรับปรุงใหม่ให้เป็นที่รวมของบาร์ฮิป ๆ อย่าง The Den และ Bagan Bar
หากนิยม chill ริมสระ ก็มี The Lawn ถ้ามุมสงบไว้นั่งละเลียดขนมเค้กและจิบน้ำชาก็ Living Room
ร้านอาหารสุดล้ำเหนือฝันเช่น Dining Room และโรงแรมสไตล์บูติค 8 Rooms
Macalister Mansion ตกแต่งอย่างมีดีไซน์ในทุกมุมด้วยฝีมือของ Design Director อย่าง Colin Seah
สังเกตว่าที่ปีนังนี้ แม้จะมีความ “ล้ำ” อยู่แค่ไหน ก็ยังมีการแต่งแต้มความเป็นจีนประดับอยู่เสมอ..
สนนราคาเครื่องดื่มที่The Den และ Bagan Bar ก็พอจับต้องได้ พอ ๆ กับบาร์แถวทองหล่อหรือโรงแรมมากดาวบ้านเรา..
Dining Room เป็นไปในแนวบรรยากาศฟุ้งฝัน ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ด้วยสีขาวกระจ่างตา
ขับเน้นจังหวะด้วยสีฟ้าและแต้มด้วยสีชมพูในหลายจุด
สุดผนังด้านหนึ่งประดับด้วบภาพวาดนานาพรรณไม้และสัตว์พื้นเมืองฝีมือ Thomas Powell
อาหารที่เสิร์ฟนั้น เป็นอย่าง innovative gastronomy ราคาไม่หนีจากห้องอาหารโรงแรมมากดาวของกรุงเทพเช่นกัน
8 Rooms นั้นก็ตามชื่อ ประกอบด้วยห้องพัก 8 ห้อง โดยแต่ละห้องก็จะแตกต่างกันไป ไม่ซ้ำแบบกัน..
กุญแจที่นี่ใช้เป็นระบบสัมผัส ดูเก๋ไก๋มาก ยังคงกรอบความเป็น Vintage Minimalist ไว้ได้อย่างครบถ้วน
ปัญหาอย่างหนึ่งของเวลาเข้าพักห้องโรงแรมที่มีระบบควบคุมไฟเยอะ ๆ ( ฉลาดมากไป )
ก็คือเปิดนู่นดับนี่-ปิดนี่สว่างนู่น.. ต้องมานั่งใช้ Verb to เดาว่าอันไหนเป็นไฟอะไร.. 8 Rooms ก็ขจัดปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย..
ห้องแรกที่เยี่ยมชมก็ Room 1 เลยค่ะ ขนาด 53 ตร.ม.
เหนือเตียงประดับด้วย Love Sonnet โดย Arron Lee ซึ่งแน่นอนว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Love Sonnet ของ Shakespeare
ทีวีก็สามารถปรับมุมได้ตามต้องการ สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และใช้ร่วมกับ wireless keyboard ที่จัดเตรียมไว้ได้ด้วย
ห้องน้ำกว้างขวาง แสงเข้าได้หลายทาง ประดับประดาด้วยโมเสกให้ความรู้สึกที่อลังการแต่ไม่เฟ้อเกินด้วยโทนสีขาว-เทา-ฟ้าพาสเทลที่เลือกใช้
มีทั้งอ่างอาบน้ำ และ Shower Area อ่างล้างหน้าเป็น Twin basin His & Her
Room 1 นี้ยังได้ชื่อว่าเป็น Bridal Suite เนื่องด้วยส่วน dressing area ในห้องน้ำนั้น จะมีที่แขวนชุดยาวพิเศษจรดพื้นได้ด้วย ซึ่งก็คือชุดแต่งงานนั่นเอง =)
Room 2 เป็นห้องเตียงสี่เสา สไตล์ Vintage Minimalist เช่นกัน แต่จะค่อนข้างเทน้ำหนักไปในทางด้าน Minimalist อยู่สักหน่อย
แม้จะเล็กกว่า Room 1 สักเล็กน้อยด้วยขนาด 52 ตร.ม. แต่กลับดูกว้างขวางกว่า เพราะถูกลดทอนขนาดในส่วนของห้องน้ำ
สิ่งที่ได้มาคือห้องนอนขนาดใหญ่ รับวิว The Lawn และสระว่ายน้ำด้านหน้าของ Macalister Mansion
Room 3 ซึ่งเป็นห้องสุดท้ายที่เราได้เยี่ยมชมนี้ มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาห้องพักทั้ง 8 ห้องของ 8 Rooms
กล่าวคือมีขนาด 60 ตร.ม. เพียบพร้อมไปด้วยห้องนอนขนาดใหญ่ กว้างขวาง และห้องน้ำที่อลังการไม่แพ้กัน
ทั้งยังมีระเบียงส่วนตัวให้นั่งผ่อนคลายชมวิวงามของ Macalister Mansion
เหนือเตียงประดับด้วยภาพ fabric collage ของ Lee Meiling ซึ่งก็เป็นภาพด้านหน้าของ Macalister Mansion นั้นเอง..
ส่วนสุดท้ายของ Macalister Mansion ที่พวกเราเยี่ยมชม ( และนั่งพักผ่อนจิบชายามบ่าย ) ก็คือ Living Room นั่นเองค่ะ
น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ เชียวล่ะ =)
ราคาอาหาร เครื่องดื่ม เค้ก ไอศกรีมก็พอ ๆ กับเบเกอรี่ตามโรงแรมมากดาวบ้านเราเช่นกัน.. สนนอยู่ 100-200บาท+-
หลังจากชมความงามสถาปัตยกรรมอดีตกาล ร่วมสมัย และปัจจุบันแล้ว
เราก็ไปชมความงามฝีมือสถาปนิกเอกของโลก ซึ่งก็คือ “ธรรมชาติ” กันบ้างค่ะ ที่ Penang Hill
Website -> http://www.penanghill.gov.my/
Facebook Page -> http://www.facebook.com/mypenanghill
Penang Hill หรือ Bukit Bendara อยู่ห่างจาก George Town ไปประมาณ 6 ก.ม. มีอากาศเย็นสบายแทบจะตลอดทั้งปี ด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 823 ม. กอปรด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม และพืชพรรณสัตว์พื้นถิ่นต่าง ๆ มากมาย
สามารถขึ้นไปเที่ยวชมได้ง่ายสุดโดยรถราง ค่าโดยสารไปกลับสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่ RM30
Penang Hill ประกอบด้วยยอดเขา จุดชมวิว โรงแรม ร้านอาหาร แม้กระทั่งวัดวาอารามต่าง ๆ
แน่นอนว่ามีทางสำหรับเดินชมธรรมชาติหลากหลายเส้นทาง..
งูในภาพเป็นงู Wagler pit viper ที่นี่เขานับถือว่าเป็นงูศักดิ์สิทธิ์กันค่ะ มันก็อยู่ของมันนะ ไม่มายุ่งกับเราเหมือนกัน นี่ถ้าคุณไกด์ไม่ได้ชี้ให้ดูก็คงไม่เห็น =)
จุดหนึ่งที่สามารถชมทัศนียภาพของปีนังได้อย่างเต็มตาคือ Sky Terrace
เมื่อขึ้นไปอีกสักหน่อย จะเป็น David Brown’s Restaurant & Tea Terrace at Strawberry Hill
ที่ได้ชื่อนี้เพราะเดิมเป็นที่ปลูกสตรอว์เบอรี่แห่งแรกในแถบมลายู แต่ปัจจุบันนี้ไม่ได้เป็นที่ปลูกแล้ว เป็นเพียงร้านอาหารน่ารัก ๆ ไว้คอยบริการผู้มาเยือน
อาหารที่นี่แน่นนอนว่าเป็นไปในแบบอังกฤษดั้งเดิม
และเราก็ได้ชิมสคอนกันด้วย นุ่มนวลใช้ได้ตามตำรับอังกฤษ ไม่หวานเกินค่ะ
นั่งชมวิว เดินเล่นถ่ายรูปกันจนสมควรแก่เวลา เราก็นั่งรถรางกลับลงมาค่ะ
เผื่อเวลากันไว้หน่อยนะคะ บางทีช่วงเย็นนี่คนเยอะเชียวค่ะ แล้วรถรางก็มีประมาณ 25-30 นาทีต่อเที่ยวค่ะ
อาหารเย็นของเราวันนี้ ค่อนข้างจะเป็นที่ตื่นเต้นสำหรับว่านสักหน่อย เพราะยังไม่เคยรับประทานมาก่อน
เป็น Nyonya Cuisine ที่ร้าน Perut Rumah ค่ะ
No. 17 Jalan Kelawei 10250 Georgetown, Penang, Malaysia
Tel -> +604-227 9917
การตกแต่งเป็นไปในบรรยากาศย้อนยุค คล้าย Pinang Peranakan Mansion แม้ไม่อลังการเท่าแต่ก็งามอย่างเปอรานากัน
ประดับด้วยข้าวของเครื่องใช้ในครัวอย่างโบราณ ใครชอบพวกปิ่นโตเก่า ถ้วยชามตราไก่น่าจะถูกใจ =)
อาหารมากันเต็มโต๊ะแล้ว ลงมือกันเลยดีกว่าค่ะ (^__^ )
จานแรกเป็นออเดิร์ฟรวม ประกอบด้วย..
Roti Babi ขนมปังทอดสอดไส้มันแกว แครอท เห็ด และหมูค่ะ
Kuih Pai Ti (Singapore Pok Pia) ไส้เหมือน Roti Babi เลย แต่ใส่ในกระทงทองแทน
Loh Bak หมูสับหมักผงพะโล้ห่อด้วยฟองเต้าหู้ทอด..
เสิร์ฟพร้อม Mango Kerabu เหมือนยำมะม่วงเลยค่ะ แต่ไม่เผ็ด ใส่ดอกดาหลาซอยด้วย..
Inchi Kabin Chicken หรือ Encik Kabin – ไก่กะลาสี เป็นไก่หมักทอดเนื้อแน่น หนังกรอบ ข้าวเกรียบเคี้ยวเพลิน จิ้มน้ำจิ้ม Sambal เข้ากันดีนักแล
Jiu Hoo Char ตัวหลักคือปลาหมึกแห้ง ผัดรวมกับมันแกว แครอท เห็ด ห่อด้วยใบผักกาด รับประทานกับน้ำจิ้ม Sambal เช่นกัน
Nasi Ulam เป็นข้าวยำผักรวม หัวใจหลักคือจะใส่ผักสมุนไพรอะไรก็ตามแต่ กุ้งแห้งนี่ห้ามขาด..
Hu Pau (Otak-otak) ห่อหมกอย่างบ้านเรานี่เอง เนื้อเนียนใช้ได้ค่ะ
Chicken Curry Kapitan สีมาอย่างเข้มข้น แต่รสชาติไม่ได้จัดจ้านมากค่ะ
Nyonya Fish Curry แกงปลารสชาติออกเปรี้ยว เผ็ดไม่มากสำหรับลิ้นคนไทย =)
Assam Prawns กุ้งหมักมะขาม ทอดกับซีอิ้วดำ กุ้งสดเนื้อแน่นรสหวาน เครื่องปรุงออกเค็ม ๆ เปรี้ยว ๆ จานนี้อร่อยดีค่ะ
Hong Bak สตูว์หมู รสชาติออกกลาง ๆ กินเพลิน ๆ อีกเหมือนกัน
Chai Bui Soup ความหมายจริง ๆ คือจับฉ่ายนี่แหละ แต่เหมือนเป็ดต้มเกี้ยมฉ่ายมากกว่า ไม่เปรี้ยวเท่าไหร่ รสขิงค่อนข้างชัด
ปิดท้ายมื้อกันด้วย Bee Koh Moy ข้าวเหนียวดำเปียก.. ไม่มีอะไรน่าติดใจค่ะ
ถึงเป็นครั้งแรกที่ว่านได้กิน Nyonya Cuisine แต่ก็คิดว่าของทอดและอื่น ๆ ที่นี่จะเด่นกว่าพวกแกง ซึ่งดูจะกลาง ๆ ไปเสียหมด
ยังไงก็มาลองกันดูได้นะคะ ที่อร่อยก็อร่อยเชียวแหละ =)
ราตรีนี้ยังเยาว์ และเป็นคืนสุดท้ายของพวกเราแล้วที่ปีนัง เราเลยมาต่อกันที่ China House ค่ะ
Website -> http://www.chinahouse.com.my/
Facebook Page -> http://www.facebook.com/ChinaHousePenang
China House ตั้งอยู่ใน Goerge Town ประกอบด้วย Shophouse 3 หลังเรียงกัน เชื่อมด้วยพื้นที่สวนเปิดโล่ง
ส่วนหน้าสุดฝั่ง Beach Street จะเป็น Kopi C. Espresso ขายอาหารสไตล์ออสเตรเลีย / Beach St. Bakery
และร้านอาหาร บาร์อีกมาก รวมถึงแกลลอรี่ และพื้นที่ศิลปะแสดงสดด้วย เรียกว่ารวมไว้อย่างมากมายให้เลือกได้ตามใจถึง 14 พื้นที่เชียวค่ะ
ได้ลองเค้กของ Beach St. Bakery ด้วย ไม่ค่อยถูกปากว่านเท่าไหร่ แต่ของอย่างนี้ลางเนื้อชอบลางยา ต้องลองดูค่ะ (^^’ )
China House เป็นสถานที่ที่เหมาะมาสังสรรค์กับเพื่อนร่วมทริปยามค่ำคืน หลังจากตะลุยเดินชม George Town มาทั้งวัน
ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปช้า ๆ ณ มุมต่าง ๆ .. จะเฝ้าดูผู้คนหลายหลาก หรือจะไปให้ผู้คนเฝ้ามองก็ได้..
เช้าวันสุดท้าย..
วันนี้พวกเรารับประทานอาหารเช้ากันที่ที่พัก Holiday Inn Resort Penang ค่ะ..
ห้องอาหารเช้าอยู่ติดริมหาดเลย รับสายลมทะเลยามเช้า สดชื่นดีจริง ๆ =)
อาหารก็มีพอประมาณ มีอาหารเช้าแบบฝรั่งยืนพื้น / station ไข่แบบต่าง ๆ แต่ไส้กรอกรสชาติสะพรึงมาก ขอเตือน..
และยังมีข้าวต้มกุ๊ย ขนมจีบ ซาละเปา และอาหารพื้นเมืองเช่นแกงปลาชิ้งชั้ง Sambal Ikan Bilis แกงไก่ / Bee Hoon ผัด
อาหารอินเดียอย่างแกง Dal กับ Roti Canai หรือขนม Nyonya เช่น Kuih Lapis ที่คล้าย ๆ ขนมชั้น / Kuih Talam ก็มีค่ะ =)
หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ พอมีเวลาเหลือสักหน่อย เลยขอไปเจิมชายหาดปีนังนิดค่ะ
มาถึงจนจะกลับแล้ว ยังไม่ได้ไปสัมผัสเม็ดทรายเลย อยู่ตรงหน้านี้แล้วแท้ ๆ
เสียดายฟ้าค่อนข้างหม่นตั้งแต่วันที่มาแล้ว ฝนทำท่าจะลงเม็ดตลอด บางทีก็มาปรอย ๆ
ไฮไลท์ของเราวันนี้ คือไปเที่ยวสวนสนุก ESCAPE Adventureplay Theme Park
Website -> http://www.escape.my/
Facebook Page -> http://www.facebook.com/escape.my
พอบอกว่าเป็นสวนสนุก อย่านึกว่า ESCAPE Adventureplay Theme Park จะเป็นอะไรแบบเดิม ๆ มีเครื่องเล่นรถไฟเหาะกรี๊ดกร๊าดนู่นนี่..
ที่นี่เขาเป็นสวนสนุกแนวเน้นกิจกรรมและ.. กิจกรรม 555 เป็นยังไงไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
ค่าเข้าชม+เล่น สำหรับนักท่องเที่ยว
RM45 สำหรับ Junior Kids ( อายุ 4-12 ปี )
RM60 สำหรับ Big Kids ( อายุ 13-60 ปี )
RM45 สำหรับ Super Kids ( อายุ 60 ปีขึ้นไป )
อย่างที่บอกแล้วว่าที่นี่เขาไม่เน้นเครื่องเล่นรถไฟเหาะอะไร แต่รับรองว่าเรียกเสียงกรี๊ดและความสนุกได้ไม่แพ้กัน..
นี่คือเครื่องเล่นหลักของ ESCAPE Adventureplay Theme Park มีชื่อว่า Monkey Business =)
Monkey Business มีทั้งหมด 3 level แต่ละ level ก็จะมีความยากและท้าทายขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่เพียงแต่จะเป็นที่เร้าใจ สนุกสนานสำหรับเด็ก ๆ และวัยรุ่นเท่านั้น ว่านว่ายังเป็นที่เหมาะสำหรับมา outing เพื่อสร้าง team building ของบริษัทอีกด้วย
Gecko Tower.. มีทั้งหมด 4 ด้าน ความยากง่ายก็แตกต่างกันไปเช่นกัน สามารถเล่นพร้อมกัน 2 คนเพื่อแข่งทำเวลาได้
Safety – ความปลอดภัย ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักที่นี่ เครื่องป้องกันสะอาด ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่อี๋ค่ะ อิอิ
ฐานนี้คือ Atan’s Leap คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก =)
ฟิ้ววววววววววววววววววววววว ว
นอกจากนี้ยังมี Tarzan’s Rope / Go Ape / Coco Climb ( จนท.คุมฐานเป็นหนุ่มสมุยนี่เอง ปีนไวมาก ขอบอก ) ไว้ให้เล่นอีกด้วยค่ะ
ดูไปดูมา หลายคนคงนึกถึงเขาชนไก่ 555 แต่สำหรับสาว ๆ ก็เป็นที่ตื่นเต้นดีนะคะ ถ้าวันนั้นไม่ได้นุ่งโสร่งไป จะไปเล่นด้วยซักตั้ง แหม่..
สำหรับน้อง ๆ วัยประถม ก็มี Foxy Burrow ให้จำแลงกายเป็นจิ้งจอกน้อย มุดโพรงดินสำรวจกันได้ แล้วก็ยังมีอะไรให้เล่นอีกมาก
เพราะ ESCAPE Adventureplay Theme Park เขาเป็นสวนสนุกที่ทุกคนในครอบครัวสามารถ “เล่น” กันได้ทุกวัย (^^ )
อีกฐานที่น้อง ๆ น่าจะชอบคือ Discovery Dig ค่ะ..
เด็ก ๆ รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วย สามารถมาร่อนหาทอง ( ปลอม ) ได้
เสร็จแล้วเอาไปเข้าเครื่องอัด ออกมาได้เป็นเหรียญทองที่ระลึกกลับบ้าน =)
ฐานนี้ก็น่าเล่นค่ะ Tubby Racer แข่งนั่งยาง ( เอ๊ะ ฟังดูแปลก ๆ 555 )
แต่น่าเสียดายว่าวันที่เราไปฝนพรำ ๆ หยุด ๆ ฝนตกลู่เปียก อันตราย เดี๋ยวไถลออกนอกลู่นอกทาง เค้าเลยงดให้บริการค่ะ..
“เล่น” กันจนเหนื่อยแล้ว ใครอยากพักผ่อนบนบ้านต้นไม้ ที่นี่ก็มี Tree Top Cabana ให้เช่านะคะ ราคาเหมาวันตั้งแต่ RM150 – 250 ตามแต่ขนาดค่ะ
นอกจากความเป็นสวนสนุกเน้นกิจกรรมชนิด “เล่น” จริงจังแล้ว
ESCAPE Adventureplay Theme Park ยังเน้นความเป็น Eco-Friendly และเคารพต่อธรรมชาติอีกด้วย
อย่างในภาพเป็นการขนส่งขยะจากที่ต่าง ๆ ของสวนมายังจุดกำจัดด้วยรางไถลค่ะ =)
หลังคาของสิ่งปลูกสร้างก็จะเป็นหลังคาสีเขียวด้วยหญ้าและมอสเพื่อเพิ่มความเย็นให้กับอาคารโดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ
น้ำประปาที่ใช้แล้วก็จะมีการนำมาเวียนใช้รดน้ำต้นไม้ในโครงการ น้ำฝนก็จะสำรองสู่ที่เก็บเพื่อนำมาใช้ในสวนสนุกเช่นกัน
แถมยังมีไก่ เป็ด กระต่าย รวมถึงแปลงพืชผักสวนครัวอยู่หลายมุมในสวนสนุกนี้ด้วย น่ารักดีค่ะ =)
ถ้า “เล่น” สนุกจนหิว.. ในสวนสนุกนี้ก็มีร้านอาหารไว้คอยบริการค่ะ รสชาติก็โอเค กินได้ ๆ (^^ )
หลังจากสนุกกันจนเกือบลืมเวลาไปหลายคน ก็ได้เวลาอาหารเที่ยงกันแล้วค่ะ
มื้ออำลาปีนังของเราคือที่ Joo Hooi Cafe
475 Jalan Penang, George Town, Penang 10000, Malaysia
Joo Hooi Cafe เป็นร้านเล็ก ๆ ขึ้นชื่อเรื่อง Assam Laksa แต่สามารถสั่งอาหารจากร้านรถเข็นใกล้เคียงมานั่งรับประทานในร้านได้
โดยจ่ายเพิ่มประมาณ RM0.50 หรือ 5 บาท เป็นค่าที่ =)
จานแรกเป็น Penang Rojak อารมณ์คล้าย ๆ ตำผลไม้บ้านเรา ฟีเจอริ่งกับก๋วยเตี๋ยวหลอด แต่ไม่มีเส้นก๋วยเตี๋ยว =)
อันที่จริง Rojak นี่ถือเป็นอาหารประจำภูมิภาคสิงคโปร์-อินโด-มาเลย์ มีความต่างกันไปในแต่ละถิ่นเล็กน้อย ต้องลองดูค่ะ
Nasi Lemak Ikan ก็เช่นกัน พบเห็นได้ทั่วไปในแถบนี้ เน้นหาง่าย กินง่าย อิ่มง่าย อยู่ท้อง
ถ้าแบบอลังการก็เครื่องเยอะหน่อย ถ้าแบบบ้าน ๆ ก็มีแต่ “ข้าวกับปลา” แบบนี้..
Assam Laksa หรือ Penang Laksa.. ตัวซุปเหมือนน้ำยาปลาข้น ๆ แต่ได้รสเปรี้ยวจากมะขาม ( Assam )
ถึงเน้นปลาแต่กลิ่นไม่คาว เพราะใส่สมุนไพรค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะดอกดาหลา
Curry Mee หรือ Curry Laksa อย่าง Curry Laksa นี่ก็เหมือนกัน แต่ละที่ก็จะต่างกันไป..
ของที่ปีนังดูละม้ายก๋วยเตี๋ยวแกง หรือข้าวซอย แต่ก็ข้นไม่เท่า มีใส่เนื้อหอยแครงด้วยค่ะ
น้ำอ้อยที่นี่เป็นน้ำอ้อยร้อนแล้วเติมน้ำแข็งนะคะ มันเลยจืดจางเร็วมาก ๆ สั่งเป็นแบบร้อน หรือสั่งเครื่องดื่มอย่างอื่นดีกว่า ถ้าอยากดื่มเย็น ๆ
อีกอย่างที่ขึ้นชื่อของร้านนี้คือ Teo Chew Cendul แน่นอนว่า Ice Kachang หรือน้ำแข็งไสรวมมิตรก็มีด้วย..
อย่างที่บอกข้างต้น.. ว่านชอบ Cendul ของ Pinang Peranakan Mansion มากกว่า แต่ก็ลองสั่งมากินดูได้นะคะ สู้อากาศร้อน ๆ =)
มีเวลานิดหน่อย พวกเราเลยไปชมตลาดและซื้อของฝากกันที่ Chowrasta Market ไม่ไกลกันค่ะ เดินไปได้เลย.. ถามชาวบ้านแถวนั้นได้
ปีนังนี้ขึ้นชื่อมากเรื่องเครื่องเทศ โดยเฉพาะจันทน์เทศ และแน่นอนว่าเพราะตลาดนี้อยู่ใน George Town จึงยังมี Street Art อยู่ตามมุมต่าง ๆ เช่นกัน =)
และแล้วก็ถึงสนามบิน.. ไม่วายสั่งลากันด้วยของพื้นถิ่นเล็กน้อย..
ถั่วสะเต๊ะอร่อยดีค่ะ ถึงรสถึงเครื่องกะหรี่ =P
และแล้วก็ได้เวลาอำลาปีนังกลับสู่กรุงเทพด้วย Air Asia FD 2902 เครื่องออก 17.25 น. ถึงกรุงเทพ 18.05 น.
ต้องขอขอบคุณ AIRASIA / PENANG GLOBAL TOURISM และ THE HOLIDAY INN RESORT PENANG ที่ให้เกียรติเชิญว่านมาร่วมทริปนี้นะคะ
ได้สัมผัสและรู้จักปีนังเป็นครั้งแรก สนุกดีค่ะ.. ถ้ามีโอกาสก็อยากมาปีนังอีก เพราะดูจะยังมีอีกหลายที่ในปีนังเลยที่ยังไม่ได้เที่ยว..
ถ้าอยากไปพักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศแบบไม่ต้องนั่งเครื่องบินไกลมาก ปีนังก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่น่าสนใจนะคะ
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ (^^ )