1. อย่ากรี๊ด การกรี๊ดไม่ช่วยอะไร
ถ้าต้องการความช่วยเหลือให้ตะโกนขอความช่วยเหลือ การกรี๊ดในเคหะสถานนั้นตีความได้ยาก ตั้งแต่เจอแมลงสาบ จนไปถึงดูหนังผีแล้วอินจัด หรืออื่น ๆ

2. ตั้งสติ ดูว่าผู้สูงอายุยังหายใจไหม ถ้าหยุดหายใจ โทรเรียก 1669 แล้วCPRโลด อย่าร่ำไร
ปัจจุบันนี้ใช้ขั้นตอน C-A-B แล้วนะคะ
C – Circulation : นวดหัวใจ
A – Airway : เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง
B – Breathing : ช่วยหายใจ
หากทำไม่เป็น ไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ รีบโทรเรียก 1669 เลย
httpv://www.youtube.com/watch?v=33loQecoLCM

3. หากผู้สูงอายุหายใจได้เอง ท่านยังมีสติไหม
ถ้าหมดสติ โทรเรียก 1669 หรือเรียกรถพยาบาล ห้ามช้อนคอ อุ้ม หรือเคลื่อยย้ายใด ๆ ด้วยตนเองเด็ดขาด เพราะเราไม่ทราบว่ามีการบาดเจ็บที่คอและหลังท่านหรือไม่ พลาดพลั้งไป ถึงแก่อัมพาตได้ค่ะ

4. ถ้าท่านยังมีสติ ดูว่ามีอาการปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว(Face) แขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง(Arm) พูดไม่ชัด(Speech)ไหม

5. หากมีอาการตามข้อ 4. อย่ามัวเสียเวลา(Time)หาเข็มจิ้มเจาะเลือดไม่ว่าจะที่ปลายนิ้วหรือติ่งหูใด ๆ ทั้งนั้น ให้โทรเรียก 1669 หรือรีบนำส่งโรงพยาบาล

6. ข้อ 4.+5. = FAST จำง่าย ๆ ในการรับมือเวลาเจอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
ซึ่งผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ไม่ว่าจะ(เลือด)ออก ตีบ ตัน แตก ไม่ได้เหมาะกับการให้ยาละลายลิ่มเลือด rt-PA ที่มีฟอร์เวิร์ดเมล์อ้างว่าฟรีเสมอไปนะคะ การให้ยาและการรักษาใด ๆ นั้น ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ กรุณาอย่าดึงดันตามฟอร์เวิร์ดเมล์

7. แต่ 1669 ยังโทรได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินนะ ให้บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ แต่ ***ห้าม*** โทรเล่นล่ะ ไม่ดี ไม่ดี

8. หากไม่มีอาการตามข้อ 4. และท่านมีสติ พูดจารู้เรื่อง พยายามจะลุกขึ้นเอง ให้สอบถามว่าปวดคอไหม ถ้าปวดคอ หลัง ***ห้ามลุก*** เพราะอาจมีการบาดเจ็บที่คอและหลัง ให้โทรเรียกรถพยาบาลหรือ 1669

9. ตรวจดูว่าเสื้อผ้ารัดแน่นเกินไปไหม ถ้ารัดแน่น ก็คลายเสื้อผ้าให้หลวมซะ ถ้าอากาศถ่ายเทไม่สะดวก ก็จัดการให้ถ่ายเทซะ เอาหมอนหรือสิ่งใด ๆ หนุนให้ขาสูง

10. ถ้าชัก ***ห้าม***งัด ใส่ สอดไม่ว่าจะสิ่งของใด ๆ เข้าไปในปาก ***เด็ดขาด*** ไม่มีใครกัดลิ้นตายจากการชัก แต่อาจตายเพราะสิ่งของที่สอดเข้าไปในปาก หักและอุดตันหลอดลมได้

11. อย่าลืมบัตรประชาชน/บัตรทอง/บัตรโรงพยาบาล/บัตรประกัน ฯ ล ฯ ของผู้สูงอายุ ควรเก็บไว้ในที่หยิบฉวยง่าย ลูกหลานควรทราบว่าเก็บไว้ไหน และลูกหลานเองก็ควรนำกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือไปด้วย

12. อย่ารีบจนลืมล็อคบ้าน ฟืนไฟเตาแก๊สเตาไฟฟ้าในครัวเรือน ตรวจดูให้เรียบร้อยว่าปิดสนิทดี
ถ้าขับรถเอง โปรดมีสติ อย่ารีบจนเกิดอุบัติเหตุซ้ำสอง อันตรายมาก

..

อันที่จริง 12 ขั้นตอนนี้ หากพบเห็นผู้ใหญ่ล้ม เป็นลม หมดสติ จะอายุเท่าไหร่ ก็สามารถใช้ได้นะคะ ไม่เฉพาะผู้สูงอายุหรอก (อ้าว)
แต่ที่เขียนว่าผู้สูงอายุเพราะเมื่อวันอาทิตย์ว่านเจอคุณแม่ล้มอยู่ในห้องค่ะ
เรื่องราวคือวันเสาร์ท่านมีไข้แต่เช้า แต่พึ่งจะมาบอกและรับประทานยาไปตอนบ่าย ๆ เย็น ๆ วันเสาร์ ตอนนั้นไข้38.5 ก็กังวลนิดหน่อยว่าไข้สูง
วันอาทิตย์สาย ๆ หลังต้มข้าวต้มให้ท่านเสร็จ เข้าไปดูท่านที่ห้อง คุณแม่บอกว่าเมื่อคืนมีหนาวสั่นเล็กน้อย ทีแรกว่านกังวลเรื่องไข้เลือดออก กะว่าเย็นถ้าไข้ไม่ลดต้อง(บังคับ)ไปโรงพยาบาลละ
แล้วว่านก็ออกไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อน กลับมาราวบ่ายสาม เข้าไปดูในห้องเห็นท่านหลับอยู่ ดูปรอทวัดไข้เหลือ 38 ก็พอจะวางใจ..
ราวหกโมงเย็นเข้าไปดูอีกที คุณแม่นอนอยู่ที่พื้นห้องนอน ไม่รู้ว่าท่านล้มไปตอนไหน หน้าต่าง-แอร์ปิดอยู่ อากาศไม่ถ่ายเท
ตั้งสติ ประเมินอาการเบื้องต้น เห็นท่านยังตาปรือ ๆ หายใจได้ ไม่มีอาเจียนหรืออะไรอุดตันปากและลำคอ หน้า-ปากไม่เบี้ยว มีสติ แต่อ่อนแรง เลยเปิดแอร์ก่อน อากาศอบอ้าวมาก
เรียกชื่อ รู้สึกตัว ถาม-ตอบได้ พูดจาพอรู้เรื่อง พอว่านบอกจะเรียกรถพยาบาล ท่านก็ตอบเสียงแข็ง(แบบอ่อนแรง)ว่าไม่เอา ( -“- ) .. โอเค รู้เรื่องแน่นอน
ถามท่านว่าเจ็บคอ-หลังไหม บอกแผ่ว ๆ ว่าไม่เจ็บ พยายามจะลุกขึ้นเอง ถามย้ำอีกทีว่าไม่เจ็บแน่นะ เลยช่วยพยุงขึ้นมา คุณแม่ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ค่อยไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้เช้า ว่านเลยต้องเสียงแข็งบ้าง บอกว่าไม่ได้ ต้องไปตอนนี้
จากนั้นก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ชุดเก่าเหงื่อท่วมมาก เลอะเทอะด้วย ท่านยังพอเดินได้เอง ก็เลยพยุงขึ้นรถไปโรงพยาบาลใกล้บ้านค่ะ

ว่านจะพยายามเล่าโดยใช้ศัพท์ทางการแพทย์ให้น้อยนะคะ จะได้เข้าใจได้ง่าย..
เมื่อถึงโรงพยาบาล วัดแล้วไม่มีไข้ อุณหภูมิอยู่ที่36องศา (ห้ะ) แต่ความดันต่ำมาก 60/50 พยาบาลบอกวัดแล้วสองรอบ หมอบอกให้วัดmanual ได้60/40 แย่กว่าเดิม ( -“- ) ก็โดนรุมให้น้ำเกลือและออกซิเจนกันไปตามระเบียบ พร้อมสั่งตรวจเลือดและอื่น ๆ ใด ๆ อีกชุดใหญ่
สรุปคืนวันอาทิตย์คุณแม่ก็นอน ICU ซึ่งห้ามเยี่ยม ห้ามเฝ้า ว่านเลยกลับบ้านนอน

วันรุ่งขึ้น คุณแม่โทรมาโวยวายแต่เช้า บอกว่าทำไมไม่ทิ้งมือถือไว้ให้ หลังจากโล่งใจว่ายังโทรมาโวยวายได้ ก็น่าจะดีขึ้น เลยชี้แจงไปว่าเมื่อวานจะทิ้งไว้ให้แล้ว แต่พยาบาลบอกว่าผู้ป่วยห้องICU ไม่ควรมีของมีค่าติดตัว ท่านก็เลยอือ ๆ ออ ๆ ไป ว่านก็เตรียมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวไปให้ท่าน
ตอนไปเยี่ยม มีไข้ขึ้นมา38 เหมือนเดิม ตอนพบแพทย์ แพทย์บอกว่ามีการติดเชื้อ ที่เป็นไข้ก็เพราะสาเหตุนี้ ไม่ใช่ไข้เลือดออกแต่อย่างใด แต่อัลตราซาวด์พบก้อนที่ตับ ซึ่งน่าจะเป็นฝีหรืออย่างไรไม่แน่ใจเพราะยังearly stageมาก ต้องรอ CT Scan อีกที ยังอยากให้อยู่ICUต่อไปก่อน เพราะความดันไม่คงที่ จะตก ๆ เรื่อย..

เนื่องจากคุณแม่มีโรคกระดูกพรุน และท่านจำไม่ได้ว่าตอนล้มนั้นล้มอย่างไร เลยขอให้คุณหมอสั่งเอกซเรย์กระดูกและขอปรึกษาคุณหมอกระดูกด้วย เพราะสิ่งที่ต้องระวังให้มาก ๆ อีกอย่างหนึ่งในผู้สูงอายุเวลาท่านล้มคือกระดูกร้าวหรือหัก โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการกระดูกพรุนอยู่แล้วเนี่ย บางครั้งแค่เผลอทิ้งตัวลงนั่งแรง ๆ กระดูกร้าวก็มีมาแล้ว!!! คุณหมอที่รักษากระดูกพรุนคุณแม่เคยเล่าให้ฟัง หนาวไหมล่ะ..

.. ต่อจากนี้ก็เป็นการต่อสู้กันระหว่างแม่ลูก.. ฝ่ายลูกบอกว่าจ่ายไหว อยู่ที่เดิมไปเหอะ ฝ่ายแม่บอกมีบัตรทองทำไมไม่ใช้ ค่าใช้จ่ายจะอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้.. ฝ่ายลูกขี้เกียจเถียง (แม่เป็นบุคคลที่ลูกไม่ควรต่อกรด้วย ไม่ว่ากรณีใดทั้งนั้น) เลยรับปากอือออไป กะว่าลากขายาว ๆ ไปอีกวันสองวันค่อยว่ากัน.. บ่ายวันนั้นมีการติดต่อมาเป็นระยะ ๆ ขอให้แฟ็กซ์สำเนาบัตรประชาชน สำเนาบัตรทองไปให้ ก็รับปากไปว่าเดี๋ยวส่งให้นะค้า กะว่าจะลากขาอย่างที่บอก..

บ่ายสี่ มีโทรศัพท์มาว่าทำเรื่องส่งตัวเสร็จแล้ว ไม่ต้องใช้สำเนาแล้ว เอาบัตรตัวจริงมาเลย เดี๋ยวส่งตัวไปเย็นนี้เลย
..
Σ( ̄ロ ̄lll)
..
เลยต้องยอมจำนน ซิ่งเอาบัตรทั้งหลายทั้งมวลไปให้ที่รพ.
จากนั้นก็เลยเป็น Ambulance 1st time ไปโดยปริยาย..

พอส่งตัวมาถึงรพ.ตามสิทธิ์ .. ขอออกตัวก่อนว่าว่านไม่มีความรู้ความชำนาญเรื่องบัตรทอง แต่อย่างนึงที่รู้สึกก็คือหากสิทธิ์บัตรทองอยู่รพ.เอกชนแล้ว ในบางเรื่องจะทำให้มีทางเลือกน้อยกว่า เช่น ถ้าไม่ใช้ห้องพักตามสิทธิ์แล้ว จะมีเป็นห้องพิเศษไปเลย ซึ่งถ้าญาติไม่สะดวกเฝ้า(ฉันเอง) ก็เท่ากับต้องจ้างนางพยาบาลพิเศษ.. #มีความพิเศษเยอะมาก ซึ่ง………….. ก็.. ก็เข้าใจข้อจำกัดของบัตรทองและรพ.เอกชนนะคะ แต่คิดว่าถ้าสิทธิ์บัตรทองอยู่กับรพ.รัฐ น่าจะมีทางเลือกมากกว่านี้เท่านั้นเอง ก็เป็นข้อฝากไว้สำหรับผู้ที่มีบัตรทองหรือจะย้ายสิทธิ์บัตรทองก็แล้วกันนะคะ

สรุปอาการของคุณแม่.. ตอนนี้ก็ให้ยาปฏิชีวนะ a.k.a. ยาฆ่าเชื้อ ไม่ใช่ยาแก้อักเสบ มีกายภาพบำบัดอาการปวดหลังซึ่งเอ็กซเรย์แล้วไม่พบกระดูกหักหรือร้าวแต่อย่างใด เรียกว่าเดชะบุญ ก็รักษาตามอาการต่อไป ส่วนเรื่องฝีไม่ฝี หรือมันก้อนอะไรที่ตับกันแน่นี่ คงต้องรอคุณหมอสั่ง CT Scan จึงจะทราบแน่ชัดค่ะ

อย่างไรใส่ใจผู้สูงอายุที่บ้านกันด้วยนะคะ ส่วนผู้สูงอายุเอง หากมีอาการไข้ เจ็บป่วย ไม่สบาย.. อย่าร่ำไร อย่าคิดว่าไม่เป็นไร อย่าคิดว่าเดี๋ยวก็หายเอง อย่าคิดว่าไม่อยากกินยา ไม่ดีกับตับ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอาการไข้นั้นเกิดจากอะไรบ้าง โปรดแจ้งลูกหลานเมื่อไม่สบาย อย่าได้เกรงใจ.. ลูกหลานเอง เมื่อพบเหตุฉุกเฉิน สิ่งที่สำคัญมากคือ ตั้งสติ ค่ะ
และที่จะขาดไม่ได้คือขอขอบคุณความรู้ดี ๆ จากเหล่าหมอ ๆ Cyber ทุกท่าน
แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้า ขอให้สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงกันทุกคน สวัสดีค่ะ