Thermage หรือ เทอร์มาจ ดูจะเป็นสุดยอดเทคโนโลยีในยุคนี้ที่ทุกคนใฝ่ฝัน ด้วยคำโฆษณามากมายว่าสามารถยกกระชับผิว เสริมสร้างคอลลาเจน จนถึงตอนนี้มีการนำ Thermage มาใช้ในการปรับรูปหน้า V-Shape ตอบรับกับกระแสหน้าเรียวเข้าไปใหญ่.. ว้าว..

เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าอะไรที่ Thermage ทำได้-ทำไม่ได้บ้าง ทำครั้งนึงไม่ใช่บาทสองสาท เราควรมีความเข้าใจและความคาดหวังที่ถูกต้องเนอะ (^^ )
 photo 2013-10-03141859_zps648fbbf4.jpg

Thermage เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency หรือนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า RF) ทำให้เกิดความร้อนต่อชั้นหนังแท้ กระตุ้นให้มีการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่นี้ จะมีความยืดหยุ่นที่ดีกว่า ช่วยให้ผิวหนังกระชับ เต่งตึง ดึ๋งดั๋งขึ้น.. เรียกว่าเหมือนย้อนเวลากลับไปนี่แหละ..

ซึ่ง.. นี่แหละ คือสิ่งสำคัญที่หนุ่มสาวเลข3+ ถวิลหา..
เพราะว่านเน้นเสมอว่าคอลลาเจนนั้น ต่อให้กิน ทา ประโคมเข้าไปเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับผิวได้อย่างแท้จริง ไม่มีผลวิจัยใด ๆ รองรับเลยด้วยซ้ำ

แล้ว.. ทำไมถึงต้อง Thermage .. ราคาก็ไม่ใช่ว่าถูก คลื่นRF อะไรนี่ก็มีตั้งหลายเครื่องไม่ใช่เหรอ จ่ายแพงกว่าทำไมล่ะ

การทำทรีตเม้นต์ด้วยเครื่องมีเยอะมาก ว่ากันตามจริงก็มีหลายบริษัท แต่ละบริษัท/คลีนิกก็พยายามชักจูงว่าเครื่องของตนนั้น “ดีที่สุด” “ได้ผลที่สุด” แต่เครื่องไม้เครื่องมือเหล่านี้ ไม่เหมือนรถยนตร์นะคะ ที่ขอให้เป็นรถยังไงก็วิ่งได้.. แต่ละเครื่อง แต่ละประเภท ก็ได้ผล/ไม่ได้ผล มีความเหมาะสม แตกต่างกันไป เทคโนโลยี ประเทศผู้ผลิต ก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเช่นกัน

Thermage เป็นเทคโนโลยีที่มีมานานนับสิบปี ผ่านมือหมอ และผ่านหน้าคนผู้ใช้มานับล้าน ๆ ราย มีผลวิจัยรองรับมากมาย.. ผลวิจัย = มีการทดสอบซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ผ่านการควบคุมปัจจัยและตัวแปรนานาว่าผลที่ออกมาสามารถเชื่อถือได้ และ Thermage ยังได้รับการรับรองมาตรฐานโดยองค์กรอาหารและยาทั้งของสหรัฐอเมริกา(FDA) และของไทยเราเอง..

เอ.. ถ้า Thermage เป็นเทคโนโลยีที่มีมานานแล้ว ก็แสดงว่าเก่าแล้ว ไม่ดีน่ะสิ
เก่าน่ะอาจจะ แต่ไม่ดีไหม.. ว่านว่าไม่นะ =)
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า Thermage เป็นเทคโนโลยีที่มีมานาน ฉะนั้นจึงมีการศึกษา ค้นคว้า และงานวิจัยรองรับมากมาย ว่าในะระยะยาวมีผลต่อผู้ที่เคยทำไปแล้วอย่างไร ได้ผลจริงไหม ผลคงอยู่นานแค่ไหน..
และที่ว่าอาจจะเก่า ก็เพราะว่าถึง Thermage จะมีมานาน แต่ก็มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของหัวtip และปลีกย่อยอื่น ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ  Thermage นี่เรามักจะได้ยินคำร่ำลือว่าเวิร์ก.. แต่เหมือนเอาเตารีดมานาบหน้า (กรี๊ด) ถึงจะ “สู้เพื่อสวย” แต่ความเจ็บระดับ”เอาเตารีดมานาบหน้า”นี่ก็ทำให้แหยง ๆ อยู่เหมือนกันนะคะ

จนกระทั่งวันที่ได้ไปลอง Thermage ด้วยตัวเองนี่แหละ..
วันนั้นพึ่งหายป่วย.. แต่ยังหง่อมเลยค่ะ ไปแบบเบลอ ๆ เอ๋อ ๆ มึน ๆ .. ซึมเป็นนกถึดทือ มีไข้ต่ำ ๆ เหลือนิดหน่อย (บอกแล้วว่าสู้เพื่อสวย) แปะยาชาแล้วก็รอขึ้นเขียงได้..
ก่อนหน้านั้นก็แอบเหล่คนอื่นว่าเป็นไง พอถึงคราวตัวเองก็.. อึ๊ยยยย.. เอ๊ะ แค่ร้อนวาบ ๆ แฮะ ไม่ได้ถึงขนาดเตารีดนาบอะไรอย่างเขาว่านี่นา.. Thermage ตัวที่ว่านได้ทดสอบ เป็นเครื่อง ThermaCool CPT ที่มีหัวtip แบบใหม่ มีระบบ Vibration ส่งแรงสั่นสะเทือนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประสาทสัมผัสเราด้วย (แต่ขอบอกว่าสั่นหรือไม่สั่นก็เฉย ๆ นะ สำหรับว่าน และสอบถามแล้วว่าสั่นหรือไม่สั่น ก็ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพแต่อย่างใด แค่ช่วย”หลอกล่อ”ประสาทสัมผัสเท่านั้นเอง) ว่านก็เกรงว่าเอ๊ะ หรือจะตั้งค่าน้อยไปรึเปล่า ก็เลยถามได้ความว่าใช้ level 3.5-4 ก็นับว่าสูงใช้ได้เลยทีเดียว..

ระหว่างที่อุ่น ๆ ร้อน ๆ เพลิน ๆ ก็มาถึงช่วงกรามและหน้าผากค่ะ ซึ่ง.. เจ็บแฮะ (-“- )
แต่เป็นเจ็บร้อนในระดับที่ทนได้ค่ะ ท่องไว้ค่ะ สู้เพื่อสวย ๆ ๆ ๆ..
ส่วนที่ชั้นกล้ามเนื้อบาง และ/หรือ ไขมันน้อย จะรู้สึกถึงความร้อนมากกว่าบริเวณอื่นค่ะ
อันที่จริงช่วงกรามและหน้าผาก จะเว้นไปเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไร.. photo 2013-10-03142418_zps7c79aaa1.jpg

หลังทำเสร็จก็.. กลับบ้านได้
หน้าจะยังอุ่นผะผ่าวอยู่นิด ๆ แต่ไม่มีอาการปวดแสบปวดร้อนนะคะ ส่วนความแดงก็ไม่ถึงกับข้ามวันค่ะ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็หาย นี่เป็นอีกสิ่งที่หลายคนชื่นชอบใน Thermage ค่ะ สรุปคุณสมบัติเสริมย่อ ๆ ก็น่าจะประมาณนี้
– No downtime คือ ทำเสร็จแล้วกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตได้ตามปรกติ สมัยสาว ๆ เพื่อนที่ทำงานเคยทำ Dermaroller.. ยังกะมอไซล้มอย่างที่เค้าว่าน่ะแหละ
– One-time treatment คือ ทำแค่ครั้งเดียว ไม่ต้องทำเป็นคอร์ส ไม่ต้องวุ่นวาย เหมาะสำหรับคนยุ่งมาก ไม่มีเวลา ฉะนั้นที่ว่าเจ็บร้อนนั่นก็ทนแค่ครั้งเดียว และผลอยู่ได้ยาวเป็นปี ๆ  เรียกว่าทน(เจ็บร้อน+กระเป๋าฉีก)ครั้งเดียว เห็นผลไปอีกนาน.. โดยเริ่มเห็นผลประมาณ 3-6 เดือนหลังการรักษา และเห็นผลอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีในผู้ที่อายุต่ำกว่า 50 ปี ส่วนคนที่อายุมากกว่า 50 ปี ผลอาจจะคงอยู่แค่ประมาณปีเดียวค่ะ เพราะผิวย่อมหย่อนคล้อยเร็วกว่าเป็นธรรมดา..
– Non-invasive คือ ไม่ทำให้เกิดแผล เมื่อไม่เกิดแผลก็จะไม่เกิดแผลเป็นและแน่นอนว่าไม่เป็นคีลอยด์ จึงเหมาะมากสำหรับมนุษย์คีลอยด์และผู้เป็นแผลเป็นง่ายทั้งหลาย

และแล้ว.. ก็มาถึงสิ่งที่หลายคนอาจสงสัยกัน.. Thermage v.s. Ulthera
เพราะคุณสมบัติไม่ว่าจะเรื่องหลักในการรักษาความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ยกกระชับ ปรับรูปหน้า..
หรือจะเป็นคุณสมบัติเสริมต่าง ๆ ที่ว่ามา ใน Ulthera ก็มี แล้วอะไร”ดี”กว่ากันล่ะ???

คำตอบก็คือ.. ไม่มีอะไร”ดี”ไปกว่ากันหรอกค่ะ มีแต่”เหมาะสม”มากกว่า
แม้ Ulthera จะ “ใหม่”กว่า “ลึก”กว่า แต่การใช้ไม่ว่าจะเป็น Thermage และ/หรือ Ulthera ในการรักษาความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ยกกระชับ ปรับรูปหน้านั้น ต้องเรียกว่าเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ของผู้รักษา..

สมมติเรามองผิวหนังเราเป็นภาพตัดขวาง.. บนสุดก็คือขี้ไคล ผิวหนังอะไรก็ว่ากันไป ถัดมาก็คือไขมัน ใต้ไขมันเป็นกล้ามเนื้อ บนชั้นกล้ามเนื้อจะมีSMAS หรือเยื่อที่หุ้มกล้ามเนื้อไว้ เทคโนโลยีอะไรก็ตามที่สามารถยกกระชับผิวเนี่ย จะออกฤทธิ์ได้สองบริเวณ จุดแรกคือบริเวณชั้นหนังแท้ ซึ่งมีคอลลาเจนอยู่เยอะ Thermage จะสามารถออกฤทธิ์ได้ตลอดชั้นของคอลลาเจน สามารถรับความร้อนที่จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เต็มพื้นที่ ในขณะที่ Ulthera จะออกฤทธิ์ที่บริเวณเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อในบริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ถึงแม้ Ulthera ซึ่งเป็น focused ultrasound จะลงได้”ลึก”กว่า แต่ก็ด้วยความที่เป็น micro-points คือสามารถลงได้เป็นจุด ๆ เพราะฉะนั้นประสิทธิภาพของ Ulthera ก็ขึ้นอยู่กับความถี่ในการยิงด้วย จึงจะเกิดความตึงของกล้ามเนื้อในการยกกระชับได้..
ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Thermage หรือ Ulthera จึงให้ประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวที่พอกัน เพียงแต่ในคนที่ใบหน้ามีชั้นไขมันหนามาก การใช้ Ulthera อาจไม่เหมาะนัก เพราะระยะการยิงของ Ulthera ไม่สามารถปรับให้ตามความหนาของชั้นไขมัน ฉะนั้นการยิง Ulhtera อาจจะไม่ได้ผลตามที่ต้องการ เพราะไม่สามารถลงลึกไปถึงชั้นกล้ามเนื้อได้ แต่ Ulthera ก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่า ในการยกกระชับบริเวณช่วงช่วงกรามและหน้าผาก..
แต่.. (แต่อีกละ) Ulthera จะไม่สามารถทำบริเวณเปลือกตาและริมฝีปากได้ ในขณะที่ Thermage สามารถทำได้

พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมคะ ว่าแต่ละคน แต่ละรูปหน้า หรือแม้แต่แต่ละบริเวณของใบหน้าต้องการเทคโนโลยีที่ต่างกัน ฉะนั้นสิ่งที่จำเป็นมากไม่แพ้การเตรียม.. เงิน.. คือแพทย์ผู้ชำนาญการที่จะสามารถเล็งเห็นและเลือกใช้ได้ว่าใบหน้าแบบนี้ รูปหน้าแบบนี้ ปัญหาแบบนี้ ความคาดหวังแบบนี้ของแต่ละคน แพทย์ควรเลือกใช้เทคโนโลยีอะไรในการ”ตอบโจทย์”และ”เติมเต็มความต้องการ”ของคน ๆ นั้นค่ะ ฉะนั้นการเลือกคุณหมอที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญจึงจำเป็นไม่แพ้กันเลยค่ะ =) photo ultherapy-overview_zps29e85423.jpg
                                                         [ภาพจาก www.ultherapy.com]

สิ่งที่ Thermage ทำไม่ได้
– ลบเลือนริ้วรอยบางประเภท เช่นที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้ออย่างริ้วรอยใต้ตา หรือริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวบางลง.. อย่างถุงใต้ตาก็ต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยดูค่ะ ว่าเป็นไขมัน หรือริ้วรอยที่สามารถใช้ Thermage ในการรักษาได้ ร่องรอยแห่งวัยในแต่ละตำแหน่งของใบหน้า เกิดจากหลายสาเหตุ จึงต้องการการรักษาที่ต่างกันนะคะ
– หน้าเนียน กลบหลุมสิว ปรับผิวกระจ่างใส ลดเลือนฝ้ากระและรอยดำคล้ำหมอง.. พวกนี้ Thermage ทำไม่ได้จ้า.. ที่ไหนเคลมว่าทำได้ กรุณาเชิดดดดด ใส่ และกำเงินไปให้คลีนิค/สถานพยาบาลที่มีความเข้าใจที่ถูกต้องดีกว่า =)

คุยกันมาก็ตั้งยาว หวังว่าจะช่วยเพิ่มความกระจ่าง.. ใจ ให้แก่ทุกท่านในเรื่องของ Thermage ได้นะคะ..
ต่อไปนี้เป็นรูปเปรียบเทียบก่อนทำ และหลังทำเกือบ ๆ เดือนค่ะ บรรจงเลือกรูปที่หน้าสด จะได้ไม่มี factor เรื่องการแต่งหน้าเข้ามาเกี่ยวข้องนะคะ..
ขออภัย รูปก่อนทำหน้าโทรมเพิ้งเซิ้งเยินมาก.. บอกแล้วว่าป่วย แหะแหะ  photo Thermage_zps9f8a4008.jpg

อาจจะยังไม่เห็นผลมาก ตามหลักก็น่าจะซัก 3 เดือนขึ้นไปถึงจะเห็นผลชัดเจน เดี๋ยวจะอัพเดทเปรียบเทียบผลให้ดูอีกที ติดตามได้ใน https://www.facebook.com/wannampantip นะคะ =) photo IMG_0443_zps2c3a3bcc.jpg
รูปนี้วันเดียวกับรูปขวาบนเลย อันนี้เวอร์ชั่นแต่งหน้าแล้ว (ฮิ ฮิ )