การพาผู้สูงอายุไปเที่ยว.. มักจะเป็นเรื่องที่ลูกหลานเป็นกังวลและค่อนข้างลังเลใจ ด้วยเกรงความไม่สะดวก ความเหนื่อยอันอาจส่งผลถึงสุขภาพร่างกาย ความปลอดภัย และอีกนานานับประการ.. ผู้สูงอายุในที่นี้ ว่านหมายถึง”ผู้สูงอายุ”จริง ๆ ชนิด70++ ไม่ใช่พึ่งเกษียณ หรือแค่ 60 กว่านะ (ก็เดี๋ยวนี้ 60 is the New 40 นี่เนอะ)..
ไม่ต้องอะไรมาก ขนาดว่านเองไปญี่ปุ่นอยู่ประจำ คิดจะพาคุณแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่นหลายทีแล้วไม่มีโอกาสสักที พอมีโอกาสก็ยังต้องชั่งใจอยู่นิดนึง แต่เมื่อประเมินจนรอบด้านแล้ว ก็เลย”ลองดู” เว้นอย่างเดียวที่ประเมินได้ยากก็คือ”ใจสู้”ของคุณแม่นี่แหละ ทริปนี้จะเป็นอย่างไร จะตลอดรอดฝั่งไหม มาดูกัน..
“ผู้สูงอายุ” แน่นอนว่าหลายท่านแม่แก่ชรา สังขารก็ย่อมร่วงโรยลง สำหรับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหรือข้อเสี่ยงใด ๆ ว่านแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลรักษาประจำก่อนค่ะ ถ้าคุณหมอไฟเขียว ก็มาเตรียมการกันได้เลย
ช่วงเวลาที่เหมาะสม ผู้สูงอายุส่วนมากจะมีปัญหาเรื่องไขข้อ ข้อเข่า และกระดูกต่าง ๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ มักไม่ถูกกับอากาศหนาว ถ้าจะพาท่านไปประเทศเขตหนาว ให้เลือกช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นต้นไป หรือจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็เย็น ๆ กำลังดีค่ะ แต่ถ้าไปประเทศเขตร้อน หรือไปช่วงหน้าร้อน ให้ระวังเรื่อง heat stroke หรือลมแดดกันนิดนึง หมั่นดื่มน้ำให้มาก ๆ ระวังอย่าให้ท่านเดินลุยแดดนานจนเกินไปค่ะ
ประเทศที่เหมาะสม อันที่จริงเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความชอบและความพอใจของผู้เที่ยว แต่สำหรับว่านแล้วที่เลือกญี่ปุ่นในการเดินทางไปต่างประเทศกับผู้สูงอายุ นอกเหนือจากเพราะอยากพาคุณแม่ไปมานานแล้ว ก็ด้วยความสะดวก ปลอดภัย และเป็นมิตรกับผู้สูงอายุค่ะ ญี่ปุ่นเองนั้น ก็เป็นประเทศที่ผู้สูงอายุครองเมือง ยังไงซะก็ไม่ลำบากแน่ ๆ
ประกันภัยการเดินทาง อยากจะเน้นตัวหนาและขีดเส้นใต้หลาย ๆ รอบ ทำประกันภัยการเดินทางเถอะค่ะ ไม่ว่าคุณจะวัยใด เดินทางไปไหน ใกล้ไกลก็ตาม เบี้ยประกันแค่หลักร้อยหรือไม่กี่พัน แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่าแน่นอนหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ลองเลือกดูจากบริษัทประกันภัยที่โดนใจได้เลยค่ะ เน้นวงเงินคุ้มครองเรื่องค่ารักษา อุบัติเหตุ และการเคลื่อนย้ายนะคะ นอกนั้นเป็นแค่จิปาถะส่วนเสริมค่ะ สำหรับผู้สูงอายุชนิด70++ อาจจะมีบริษัทประกันภัยที่รับทำประกันน้อยลง แต่ก็ยังมีนะคะ เสิร์ชและเลือกได้ตามสะดวกค่ะ
แผนการเดินทางที่เหมาะสม ผู้สูงอายุมักจะเข้านอนแต่หัวค่ำ ตื่นไว และมักงีบเวลากลางวัน การวางแผนการเดินทางให้สอดคล้องกับอุปนิสัยของผู้สูงอายุแต่ละบ้าน ย่อมช่วยให้การเดินทางราบรื่นขึ้นค่ะ อันที่จริงแล้ว ถ้าจะไปญี่ปุ่น ช่วงเวลาบินที่เหมาะสมคือไฟลต์เช้า ถึงบ่าย หรือไฟล์ทบ่าย ถึงค่ำมากกว่า แต่เนื่องด้วยBoeing 787-8 นั้นแสนเย้ายวนใจ ราคาตั๋ว จำนวนที่ว่างของสายการบินที่หมายตานั้น ไม่พอดีกันเท่าไหร่ ในที่สุดว่านก็เลยตัดสินใจบินไปด้วยNH 808 ของ All Nippon Airways ค่ะ เป็นไฟลต์เวลายอดนิยม คือบินดึก ถึงเช้า อันที่จริงหลัง ๆ ว่านไม่ค่อยชอบบินไปญี่ปุ่นเวลาแบบนี้เท่าไหร่ เพราะนอนบนเครื่องจริง ๆ ก็แค่ 3-4 ชั่วโมงเอง เวลาเที่ยววันแรกจะเพลียมาก พาลเที่ยวไม่สนุก แต่ว่านมีวิธีรับมือค่ะ แต่อุบไว้ก่อน =P
สายการบินหลายสาย โดยเฉพาะ full-service airlines เราสามารถระบุขอรถเข็นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ สามารถสอบถามและแจ้งความจำนงค์ล่วงหน้ากับสายการบินที่เลือกใช้ได้เลย ซึ่งสายการบินก็จะถามว่าผู้โดยสารสามารถเดินได้บ้างไหม หรือต้องนั่งรถเข็นตลอด เพราะมีผลต่อการเข้าถึงที่นั่งของเครื่องบินโดยสารบางลำค่ะ เมื่อเราไปเช็คอินที่สนามบิน แจ้งว่าเราขอwheelchairไว้ ไม่นานก็จะมีพขร. (พนักงานเข็นรถ) นำรถมารับค่ะ
ถ้าพขร. ปฏิบัติหน้าที่ดี มอบสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นกำลังใจให้ก็ได้นะคะ =)
สำหรับBoeing 787-8 ก็สมใจค่ะ Business Class ปรับนอนยาวได้สมใจ อาหารก็ใช้ได้อยู่ค่ะ
ปรกติไม่ค่อยกิน Ippudo มื้อนี้มาเสิร์ฟถึงบนฟ้า ก็.. สักหน่อยละกัน ( ^_^ )
มื้อเช้าเลือกเป็นข้าวต้มอย่างญี่ปุ่นค่ะ
ตอนถึงที่ญี่ปุ่นแล้ว ก็จะมีพขร. ของทางฝั่งญี่ปุ่น มารับถึงหน้าประตูเครื่องเช่นกันค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ
ถึงสนามบินNarita (อันที่จริงอยากลงHaneda เพราะใกล้เมืองดี แต่ก็เพราะไฟลต์ ราคา และจำนวนที่ว่างที่อยากได้อีกน่ะแหละ เลยNaritaก็ได้) ซิ่ง Keisei มาถึง Ueno เอากระเป๋าไปฝากไว้โรงแรมเรียบร้อย ก็พาคุณแม่มาหาอะไรกินมื้อเที่ยงค่ะ ราเม็งร้อน ๆ น่าจะดีเนอะ
ชื่อร้าน Shouryuu ค่ะ (ไม่มี Ken ต่อท้ายนะ) เป็นร้านเก่าแก่ประจำย่าน Ueno
ชาชู หรือหมูอบก็หนานุ่มใช้ได้ค่ะ
แน่นอนว่าต้องไม่พลาดราเม็งร้อน ๆ ..
ว่านไปรอตอนเปิดร้าน 11.30น.เลย แป๊บเดียวมีคนมาต่อคิว เข้าไปนั่งกันเต็มร้าน ตอนออกมานี่ก็มีคิวพอสมควรค่ะ เป็นคุณตาคุณยายสองคนดูร้านกันเอง เมนูไม่ได้มากมายหรือหวือหวาอะไร แต่หนักแน่นและยั่งยืนตามแบบฉบับราเม็งต้นตำรับค่ะ
หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จ ก็ส่งคุณแม่เข้านอนพักผ่อน ว่านกับพี่ที่ไปด้วยกัน ก็ไป.. หาอะไรกินค่ะ ร้านนี้ว่านหมายมั่นมานาน แต่อยู่นอกเส้นทางที่จะไปทุกที มาทริปนี้เส้นทางและเวลาเข้าทาง เลยไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน.. Himitsudo หนึ่งในร้านน้ำแข็งไสที่ขึ้นชื่อที่สุดของโตเกียวค่ะ รับประกันได้ด้วยคิวขนาดนี้.. นี่แค่ส่วนนึงนะคะ ยังมีแถวต่อมาอีกฟากถนนยาวมาก.. http://himitsudo.com/
ระหว่างรอก็มีเมนูให้อ่านค่ะ
รออยู่นาน แต่อากาศเย็น ๆ เลยยังพอไหว ถ้ารอตอนหน้าร้อนนี่คงขอลา..
็Himitsu no Ichigo Milk
Royal Milk Tea Caramel
หนีไปกินน้ำแข็งไสเสร็จ กลับมา ก็ได้เวลาคุณแม่ตื่นพอดี เย็นนี้จะพาท่านไปรับประทานอาหารจีนค่ะ ร้านชื่อ Shangu อยู่แถว Roppongi http://www.shangu.jp/ เป็นร้านอาหารจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลค่ะ
ร้านอาหารชั้นดี จะมีผ้าคลุมกระเป๋าที่เราวางไม่ให้ประเจิดประเจ้อค่ะ คนญี่ปุ่นนี่รักความเป็นส่วนตัวสูงมาก
สั่งเป็นคอร์สไปล่วงหน้าค่ะ เริ่มกันด้วยออเดิร์ฟรวม
เป๋าฮื้อตุ๋นน้ำมันหอย.. รสชาติดี แต่ตัวเป๋าฮื้อยังแข็งไปนิดค่ะ
นกพิราบ จานนี้นอกคอร์ส และต้องสั่งล่วงหน้าสามวันค่ะ
คาดหวังไว้ค่อนข้างเยอะ จริง ๆ ก็ปรุงความสุกมาได้โอเคค่ะ แต่ความกรอบของหนังยังแพ้ฮ่องกงอยู่
ตบท้ายมีให้เลือกข้าวหรือหมี่ เลือกข้าวค่ะ
แอบเซอร์ไพร์ซคุณแม่เล็กน้อย แจ้งทางร้านไว้ว่ามาฉลองวันเกิดค่ะ ทางร้านจัดมาให้เป็นซิ่มท้อใหญ่เบิ้ม เปิดออกมาเป็นซิ่วท้อน้อยคู่กัน.. น่ารักเชียว เลยถ่ายภาพกับเจ้าของวันเกิดไว้ค่ะ
หมดวันแรกไปด้วยดี กลับโรงแรมพักผ่อนเตรียมเดินทางไปต่างจังหวัดวันรุ่งขึ้น ตอนต่อไปว่านจะพาคุณแม่ไปไหน ติดตามกันได้นะคะ =)
ขอบคุณ SIngha Corporation ที่สนับสนุนการพาคนแก่ไปต๊อกแต๊กต่างแดนในครั้งนี้ค่ะ