เต็ม-อิ่มกันจริง ๆ กับ ทริปสุดอร่อยแดนญี่ปุ่นกับคาร์เนชัน https://www.facebook.com/Foodbyme ที่จัดกันไปเมื่อ 1-6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา งานนี้ทีมงานเว็บว่านน้ำก็ได้รับเกียรติให้ไปประกบกูรูนักชิมอย่างพี่หม่อมหลวงอิงค์ ภาสันต์กันด้วยจ้า บรรยากาศความสนุก-อิ่ม-อร่อย จะอัดแน่นกันขนาดไหน ไปอ่านกันเล้ย..
เริ่มต้นการเดินทาง.. ล้อเครื่องบินผละจากพื้นประเทศไทยประมาณเที่ยงคืน ปลายทางอยู่ที่สนามบินเซ็นแทร์ เมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชม. แต่เวลาที่ญี่ปุ่นจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง ดังนั้นเราจะไปถึงปลายทางประมาณ 8 โมงเช้าเวลาญี่ปุ่นค่ะ
จากสนามบิน รถทัวร์พาเราเดินทางผ่านวิวภูเขาและอุโมงค์ หน้าหนาวแบบนี้ วิวภูเขาเหมือนภูเขาหัวโล้นเลยแฮะ เพราะต้นไม้ข้างทางสลัดใบจนโกร๋น เหลือแต่ลำต้นและกิ่งดำๆ แต่มีหิมะมาเติมความแปลกใหม่ให้กับสายตาดูสวยไปอีกแบบ แน่นอนว่าชาวคณะกว่าครึ่งแอบงีบบนรถเนี่ยแหละค่ะ เพราะถนนเรียบมาก ประมาณ 2 ชม.ครึ่ง ก็ถึงหมู่บ้านชิราคาวะโกะ หมู่บ้านนี้ได้รับเลือกจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1995
พอรถจอดที่หมู่บ้าน คุณไกด์รีบพาเราเข้าร้านอาหารก่อนเลย มื้อแรกในดินแดนญี่ปุ่นเป็นเซ็ตชื่อดังของที่นี่
จัดเต็มมาทั้งเนื้อย่างมิโสะบนใบโอบะ และอื่นๆ อีกมากมาย
เนื้อย่างบนใบโอบะ มีมิโสะที่เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นขึ้นชื่อของที่นี่ย่างอยู่ข้างๆ ส่งกลิ่นยั่วกระเพาะอย่างแรง
ส่วนคนที่ไม่ทานเนื้อก็มีหมูมาย่างแทนได้ค่ะ
แนมด้วยผักดองพื้นถิ่นและปลาอะยุย่างเกลือ ย่างออกมาอร่อยมาก กินได้ทั้งตัวทั้งกระดูก (มโนว่าปลาทูย่างก็ใกล้เคียงค่ะ 555)
หมู่บ้านนี้ความสวยงามไม่ต้องบรรยาย ฟ้องด้วยภาพเลยนะคะ ร้านรวงช็อปปิ้งก็เยอะค่ะ ถูกใจชาวคณะมาก ^_^
หลังจากชมหมู่บ้านมรดกโลก เที่ยวซื้อเที่ยวชมสินค้ากันอย่างหนำใจ เราก็ขึ้นรถกันต่อเพื่อเดินทางไปเมืองทาคายามะ คราวนี้สมาชิกเริ่มตาสว่าง บนรถเลยมีกิจกรรมแนะนำตัวสมาชิกค่ะ สมาชิกทั้งหมดเป็นผู้โชคดีการกิจกรรมชิงรางวัล ทริปสุดอร่อยแดนญี่ปุ่นกับคาร์เนชั่นโดยมีกูรูนักชิมพี่อิงค์ หรือ ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิ์ดิวัฒน์ คอยบรรยายเมนูทุกเมนูก่อนที่เราจะแวะรับประทาน เพื่อกวนน้ำย่อยในกระเพาะก่อนทานทุกมื้อเลยค่ะ เป็นการทำร้ายผู้ร่วมเดินทางอย่างเลือดเย็นม้ากกก..
ช่วงบ่าย รถทัวร์พาเราไปยังเมืองทาคายามะ จังหวัดฮิดะ หรือ “ลิตเติ้ลเกียวโต” พาชมจวนผู้ว่าเดิมของเมืองหรือที่ปัจจุบันก็คือศาลเจ้าทาคายามะ หรือทาคายามจินจะ มีอายุกว่า 176 ปี ไหว้พระไหว้เจ้า ดูบรรยากาศที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดโบราณในสไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้การปกครองของโชกุนตระกูลโตกุกาว่า ในสมัยเอโดะค่ะ
![]() |
![]() |
จากนั้นก็เดินชมส่วนโซนเมืองอนุรักษ์ของทากายามะกันต่อ ให้บรรยากาศขลังและย้อนยุคสมความเป็นลิตเติ้ลเกียวโตจริงๆ
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
มื้อสุดท้ายของวันมาจบด้วยความสนุกสนานของเซ็ตบาร์บิคิวปิ้งย่างเนื้อฮิดะ หนึ่งใน 3 เนื้อวะกิวขนดำรสชาติเยี่ยมของญี่ปุ่น จัดเต็มถึงขั้น Shimofuri หรือหิมะโปรยบนเนื้อวัว มันคือเนื้อสีแดงสดแทรกด้วยมันสีขาวลายหินอ่อน นุ่มละมุนลิ้น กลิ่นเนื้อและมันกระทบกับเปลวไฟจากถ่าน อื้อ ให้ภาพเล่าเรื่องแทนแล้วกันนะคะ นอกจากเนื้อเรายังมีหมูและซีฟู้ดให้กับคนที่ไม่ทานเนื้อค่ะ แต่อยากจะบอกว่าเสียดายแทนจริงๆ สำหรับคนไม่กินเนื้อ (>_< )
ค่ำคืนนั้นเราเข้าพักที่โรงแรม Takayama Green เป็นสไตล์เรียวกัง
ไกด์กำชับกำชาว่าหากไม่เคยลอง ต้องลองออนเซ็น.. เพิ่มความสดใสของผิวพรรณ และช่วยการไหลเวียนของโลหิต คลายความตึงเครียดจากการเดินทาง ฮื้มมม สบาย.. คืนนั้นนอนฟูกฟูตงปูบนเสื่อทาทามิ ห่มด้วยผ้าห่มขนเป็ดอุ่นสบาย เราหลับเป็นตายเลยค่ะ
เช้ามาเดินชมตลาดเช้าริมแม่น้ำมิยากาวะที่ไหลผ่านกลางเมือง น้ำใสสะอาดมาก ตลาดเช้าอีกแห่งนึงก็อยู่ที่หน้าทากายามะจินจะนั้นเอง ที่ญี่ปุ่นมีตลาดเช้าไม่กี่แห่งในประเทศ สองตลาดนี้เป็นหนึ่งในนั้น บรรยากาศเหมือนตลาดเช้าของไทย แต่เน้นขายนักท่องเที่ยวมากกว่า
สินค้าส่วนใหญ่ เป็นอาหารแห้ง อาหารสด ผลไม้ ผักดอง และของหัตถกรรมชิ้นเล็กชิ้นน้อย หน้าหนาวตลาดเช้าเริ่มตั้งแต่เจ็ดโมงถึงราวๆ เที่ยง อากาศเย็นสบาย ขนมน่ากิน อาหารพื้นเมืองปรุงสดใหม่ ให้ชิมได้ตลอดเส้นทาง จนเสียดายที่เมื่อเช้าจัดเต็มที่ห้องอาหารโรงแรมไปซะก่อน
ไกด์พาเข้าเขตเมืองเก่าอีกรอบ ร้านรวงเน้นงานไม้สีดำสไตล์สมัยเอโดะโบราณเมื่อ 300 ปีก่อนเดินชมได้ไม่มีเบื่อ แน่นอนว่านักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก เดินกันขวักไขว่เลยค่ะ บ้านเรือนร้านค้าสวยงาม ถ่ายรูปได้สวยทุกมุมจริงๆ
ทากายามะเป็นเมืองมีชื่อเสียงด้านราเม็งซุปโชยุ ซึ่งซุปโชยุที่นี่จะมีสีเข้มกว่าที่เมืองอื่น เส้นจะเล็กและหยักบาง เรามาลองกันที่ร้าน Kajibashi Soba ใกล้ๆ ตลาดเช้านั้นเอง สนนราคาราเมนที่นี่ตั้งแต่ 890 เยนขี้นไปถึงพันกว่าเยนค่ะ แต่ชามเดียวก็อิ่มจะแย่ เลยเหลือตังค์ไปทานกาแฟกับอิจิโกะไดฟุกุ หรือโมจิหนุบๆ ไส้ถั่วแดงและ สตรอว์เบอรี่ลูกโตได้อีกมื้ออย่างสบายๆค่ะ
ช่วงบ่ายหลังจากอิ่มปากทั้งคาวหวานแล้ว ก็ล่องรถบัสขึ้นเหนือไปต่อ โดยรถบัสไปจอดที่ลานจอดรถเพื่อให้เราขึ้นกระเช้าชินโฮตากะโรปเวย์ อากาศดี วิวข้างทางเป็นป่าสนที่อุ้มหิมะ สวยงามมากค่ะ สลิงทั้งสูง ทั้งชันมาก อากาศก็หนาวขึ้นเรื่อยๆ จนสายสลิงหายไปบนฟ้า เหมือนเดินทางขึ้นสวรรค์.. เอี๊ยด รถกระเช้าถึงยอดเขาแล้วค่ะ พิชิตเจแปนแอลป์ ที่ความสูง 2,156 เมตรจากระดับน้ำทะเล Japan Alps เป็นแนวเทือกเขาทอดตัวยาวครอบคลุมตั้งแต่จังหวัดนะกะโนะ ยาวไปจนถึงจังหวัดนะโกะยะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกที่หนึ่ง
ณ ดินแดนแห่งนี้ มีแต่ความขาว ขาว ขาว ของหิมะค่ะ อุณหภูมิกำลังดี -1 เอ้ง..
ขาลงจากยอดเขาผ่านกำแพงหิมะ แสงแดดเริ่มทอแสง วิวเทือกเขาดูสดใสขึ้นมากเลยค่ะ ขึ้นรถทัวร์มุ่งสู่เมือง มัตสุโมโตะ เส้นทางถึงจะเรียบ แต่วกวนชวนเมารถจริงๆ ค่ะ ใครรู้ว่าเมารถง่าย ทานยาไปเลยนะคะ
มื้อเย็น เรามาลิ้มลองบุฟเฟ่ ชาบู ชาบู สไตล์ญี่ปุ่นที่ร้าน Shabu-Shabu Onyasai ร้านนี้มีสาขากว่า 50 สาขาทั่วญี่ปุ่นและเอเชีย น้ำซุปมีทั้งน้ำซุปใสคมบุ และน้ำซุปหมาล่าHinabe เผ็ดดีจัง และยังมีน้ำซุปแบบอื่นให้เลือกอีกมากนะคะ น้ำจิ้มก็มีให้เลือกเยอะมาก ทั้งจิ้มซีอิ้วปนสึและน้ำจิ้มงาโกะมะดาเระ อร่อยแบบเน้นรสวัตถุดิบธรรมชาติ ทั้งเนื้อ หมู ไก่สับปรุงรสสึมิเระในกระบอกไม้ไผ่ และซีฟู้ด ตลอดจนผักสดกรอบๆ สดใหม่ หวาน นุ่ม สุดๆ เลยค่ะ
อิ่มแล้วเข้าสู่ที่พักโรงแรม Matsumoto Buena Vista นอนหลับสบายฝันดีไปอีกคืนค่ะ
วันรุ่งขึ้น เดินทางกันต่อสู่เมืองนากาโนะ ยังวัดZenkouji (善光寺 – วัดที่ญี่ปุ่นชื่อซ้ำ/คล้ายกันเยอะค่ะ ต้องขอใส่ชื่อภาษาญี่ปุ่นกำกับไว้เสียหน่อย) เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญยิ่งประจำประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 เชื่อว่าเป็นวัดพุทธศาสนาอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์แรกในประเทศญี่ปุ่นครั้งพระพุทธศาสนาแผ่ไพศาลมายังดินแดนแห่งนี้
วัดนี้มีห้องลับอยู่เบื้องล่าง ซึ่งจะมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย.. ให้เราคลำเลาะเกาะกำแพงไปเรื่อยๆ ทางขวามือ อากาศหนาวๆ มืดๆ เงียบๆ เป็นประสบการณ์ที่ต้องลองค่ะ หากใครโชคดีคลำถูกกุญแจทองคำซึ่งเชื่อว่าเป็นกุญแจสู่สรวงสวรรค์ ก็จะโชคดีมีชัย ซึ่งคณะเราน่าจะโชคดีกันทุกคนเลยค่ะ เพราะเดินเรียงแถวเกาะกันแจกลัวหลงกันทุกคน จับมือส่งต่อกันคำกุญแจได้ทั้งหมู่มวล 555
กินกันต่อ.. เมืองนากาโนะนี้เป็นเมืองที่ประกอบไปด้วยเทือกเขาสูง ปลูกต้นโซบะหรือต้นบัควีคซึ่งเป็นวัตถุดิบในการทำเส้นโซบะดีนักแล มื้อกลางวันนี้จึงเป็นอะไรไปเสียไม่ได้ นอกจาก.. โซบะ ซึ่งก็ไม่ได้มาแต่โซบะอย่างเดียว.. ร้าน Yamajaya เขาจัดเต็มมาเป็นเซ็ทเมนูเทมปุระ ทอดร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมผักภูเขาและเห็ดสดๆ ไหนจะยังหม้อไฟ แน่นอนว่ามีพระเอกเป็นเส้นโซบะดึงมือสดใหม่ในน้ำซุปหอมอร่อยให้ทดสอบความเป็นเมืองแห่งการผลิตเส้นโซบะของโลก ฟินจริงๆค่ะ
กินเสร็จแล้วก็ต้องหากิจกรรมเผลาผลาญพลังงานกันเสียหน่อย จึงเดินทางกันต่อไปยังเมืองKaruizawa เป็นเมืองตากอากาศ อารมณ์ประมาณบางปูแต่อยู่กลางภูเขา ตั้งอยู่บริเวณภูเขาไฟอาซามะที่ยังคุกรุ่นอยู่ โดยรอบเป็นสกีรีสอร์ตที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ที่มีชื่อเสียงสุดๆ คือ Karuizawa Prince Shopping Plaza เป็นดินแดนOutlet ของร้านปลอดภาษีแบรนด์อินเตอร์ค่ะ บริเวณพลาซ่าเป็นลักษณะ Outdoor มีพื้นที่กว้างใหญ่ ท่ามกลางบรรยากาศหิมะโปรยบางๆ อย่างนี้ ร้านค้าอย่างนี้ อยู่ได้ข้ามวันข้ามคืนได้เลยค่ะ แต่คณะทัวร์ให้เวลาเราแค่ 3 ชั่วโมงเสียดายจัง.. และถึงจะไม่อินกับการช็อปปิ้ง ก็มีร้านอาหารและร้านขนมมากมายให้เพลิดเพลินได้อย่างไม่เบื่อเลยค่ะ ว้าวๆ ๆ
ช็อปชิมจนหมดแรง เดินทางกันต่อด้วยรถไฟShinkansen “Asama” สู่มหานครโตเกียวค่ะ บรรยากาศในรถไฟสนุกสนานเหมือนนั่งรถไฟไปเมืองกาญจน์กับเพื่อนฝูงเลยค่ะ
อาหารเย็นค่ำคืนนี้ ไกด์พาเราเข้าสู่ย่านชินจูกุ เพื่อไปยังร้านอาหารชื่อดัง ร้านKani Douraku สัญลักษณ์เป็นปูทาราบะสีแดงตัวใหญ่ขยับก้ามได้ เน้นขายปูโดยเฉพาะ ร้านต้นตำรับอยู่เมืองโอซาก้า
เริ่มต้นมื้อด้วยซาซิมิก้ามปู เป็นปูสึไวขนาดย่อมๆแต่เนื้อหวานมาก การเสิร์ฟจะปาดขาอกเผยเนื้อปูใสๆเพื่อเก็บความหวานของเนื้อปูสดจนเมื่อเสิร์ฟ อร่อยทั้งกินดิบและจิ้มวาซาบิ ต่อด้วยไข่ตุ๋นเนื้อปูนุ่มนวล ทีเด็ดคือปูเผา ขนกันมาทั้งปูสึไว ปูทาราบะ จัดเนื้อมาเน้นๆ รับรสหวานกันได้เต็มที่ ส่วนปูขน ทางร้านคัดเฉพาะมันปูใส่มาในกระดองพร้อมปิ้ง เทมปูระปูตามมาติดๆ ส่วนเมนูสุดท้ายของของคาวคือOshi Sushi หรือซูชิกดหน้าปูค่ะ ล้างปากกันด้วยไอศกรีมวนิลาซอสชาเขียว กว่าจะจบคอร์สแทบนอนแผ่เลย..
เข้าพักที่โรงแรม Hyatt Regency Tokyo นอนหลับเป็นตายเลยค่ะ เหนื่อย-สนุก-อิ่มมาทั้งวัน
เช้าแล้วจ้ะ วันนี้เราจะไปเที่ยวโตเกียวสกายทรี Tokyo Skytree กันค่ะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสุมิดะ เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วยความสูง 634 เมตร เรียกกันเล่น ๆ ว่าเป็น The New Tokyo Tower หอนี้สร้างขึ้นเพื่อหอกระจายคลื่น ส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล และกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโตเกียวอีกแห่งหนึ่ง และยังสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ที่ใช้ระบบป้องกันแผ่นดินไหวแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีจุดชมวิวอยู่ที่ชั้นความสูง 350 เมตร และ 450 เมตรตามลำดับ ลิฟต์ที่คอยให้บริการก็มีความเร็วสูงที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย
มื้อกลางวันของวันนี้ อยู่ที่ร้าน Rokumonsen เป็นเมนูมอนจะยากิหรือเรียกสั้นๆว่ามอนจะ อาหารพื้นบ้านที่เหมือนเราล้อมวงรับประทานหอยทอดหรือผัดไทยประมาณนั้นค่ะ มอนจะยากิเป็นการผัดอาหารบนกระทะร้อนของแถบคันโต โดยเราจะนั่งล้อมวงกระทะร้อน เทผัก เห็ด ข้าวโพด แฮม กุ้ง หมึก ชีส และน้ำแป้งลงค่อยๆผัดให้สุกกรอบ และรวมกันจ้วงจากขอบแป้งกรอบๆ เข้าไปข้างใน
![]() |
![]() |
อิ่มท้อง ก็ต่อด้วยช่วงอิ่มบุญและอิ่มใจ ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันที่วัดเซ็นโซจิ หรือที่คนไทยชอบเรียกกันติดปากว่าวัดอะสะกุสะ เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมหานครโตเกียวและเป็นที่นิยมมาก เหมือนที่นักท่องเที่ยวมากรุงเทพต้องไปเที่ยววัดพระแก้วยังไงยังงั้นแหละค่ะ วัดนี้มีเอกลักษณ์และสีสันสดใสด้วยโคมไฟยักษ์ตรงประตูKaminarimonทางเข้าวัด มีร้านรวงสองข้างทางจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกเรียงรายวัดจิตถ่วงเวลาการเดินทางไปไหว้พระอย่างมากเลยค่ะ
ออกจากวัด(มาได้) เราก็มาเดินย่อยอาหารและย่อยแบ็งค์กันที่ย่านชินจูกุ ไม่ว่าเสื้อผ้า ขนม อาหาร ทุกอย่าง น่ากิน น่าใช้ น่าซื้อไปหมด
หลังจากทรัพย์จางกันทั่วคณะทัวร์กินแล้ว เรามาเติมโปรตีนเสริมสร้างกล้ามเนื้อกันค่ะ มื้อนี้ถือเป็นมื้อหนักที่สุดในทริปนี้เลย เป็นบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ร้านRokkasen ที่ได้รับรางวัลทีวีแชมเปี้ยนประเภทปิ้งย่าง คนไทยนิยมไปสักการะกันมาก คนดังเมืองไทยก็ไปกินกันหลายคน ดูรูปจากหน้าร้านแล้วกัน อยู่ชั้น7 อาคารซันฟลาว์เวอร์ ชินจุกุนี่แหละ ร้านนี้คนไทยแห่แหนมาทานเยอะมากจนมีเมนูภาษาไทยเลยแล้วกัน แต่ควรต้องโทรจองก่อนนะคะ เราเห็นนักท่องเที่ยวผิดหวังกลับไปหลายคณะเลยค่ะ
วัตถุดิบที่นำมาย่าง เป็นของสด ใหม่ ชิ้นโต เนื้อวากิวคุณภาพ ไขมันที่แทรกในเนื้อแดงนั้น หอม เพิ่มความนุ่มและฉ่ำให้เนื้อที่ย่างโดยไม่ต้องใช้น้ำจิ้มใดๆเลย แต่ถ้าจะลองน้ำจิ้มสูตรของทางร้าน น้ำจิ้มก็เข้มข้นหวานหอมด้วยซอสโชยุสูตรพิเศษของร้าน ลิ้นวัวหรือซี่โครงวัว ก็มีเนื้อสัมผัสนุ่ม หยุ่นกำลังดี มีงาคั่วโรยมาด้วย ใครไม่ทานเนื้อ มีหมูคัดคุณภาพแสนนุ่ม ความนุ่มของหมูน่าจะมาจากสายพันธุ์และคุณภาพการเลี้ยงนั่นเอง เนื้อหมูถึงได้หอมนุ่มขนาดนี้ ขาปูทาราบะใหญ่เบ้ง กุ้งและหอยเชล์ลตัวใหญ่หนา ขอเตือนว่าอย่าโลภสั่งของมาเพิ่มเพียงเพราะเห็นเป็นบุฟเฟ่ต์ เพราะแค่เนื้อโกเบที่จัดให้ก่อนสั่งเพิ่ม ก็ชิ้นหนาเกือบเซ็นต์แล้ว รวมจานหลักอื่นๆก็อิ่มพุงแตกเลยค่ะ
กลับไปพักโรงแรมเดิมเพื่ออยู่ญี่ปุ่นคืนสุดท้ายค่ะ
และแล้วก็ถึงวันที่หก.. วันสุดท้ายในญี่ปุ่น ไกด์มากระซิบตั้งแต่ตอนเช้าให้เราเผื่อท้อง อย่าเพิ่งเติมจนเต็ม เพราะตอนสายๆ จะพาไปย่านจิยุกะโอกะ แถบชิบูย่า เพื่อไป Sweet Forest แหล่งรวมร้านเค้กและขนมหวานชื่อดังของโตเกียว มีร้านประจำ 8 ร้าน และมีร้านหมุนเวียนอีก 2 ร้านค่ะ โดยเชฟแต่ละร้าน จะเป็นผู้เข้าแข่งขันหรือเป็นผู้ชนะจากรายการทีวีแชมเปี้ยน และมีประวัติของเชฟติดไว้ตรงทางเข้า
![]() |
![]() |
เบเกอรี่ญี่ปุ่น ทั้งสวยและอร่อย ยิ่งมาเจอแบบหลากหลายอย่างงี้ เลือกกันไม่ถูก สั่งมาทานกันอย่างลืมอ้วนทีเดียว ทั้งเค้ก ชูว์ครีม โรลเค้ก เครป จนถึงไอศกรีม กินกันขนาดไหน ดูได้ตามรูปเลยค่ะ
เดินเล่นๆ ย่อยเค้กกันจนถึงเวลากลางวัน และแล้วก็ถึงมื้อปิดทริปกันที่ร้านMaisen ร้านหมูชุบเกล็ดขนมปังทอดทอดชื่อดังประจำประเทศนี้ ดังขนาดมีคนญี่ปุ่นมานั่งและยืนรอคิวโต๊ะไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนเลยค่ะ สถานที่เดิมเคยเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะ ปัจจุบันดัดแปลงเป็นร้านอาหาร เปิดมานานเกือบ 50 ปีเชียวค่ะ หมูทอดเนื้อนุ่มมากเกล็ดขนมปังกรอบละเอียด เสิร์ฟกันร้อนๆ ซอสมี 2 แบบให้เลือกตามความชอบ ซุปมิโสะหอมกลมกล่อม เป็นอีกเมนูที่ห้ามพลาดเลยค่ะ
หลังรับประทานอาหาร ก็ได้เวลาอันสมควร เดินทางสู่สนามบินนาริตะ เป็นอันจบทริปสุดอร่อยแดนญี่ปุ่นกับคาร์เนชั่น หกวันในญี่ปุ่นที่สร้างความสุขความประทับใจให้กับผู้ร่วมทริปทุกคนอย่างไม่ลืมเลือนจริงๆค่ะ มีหลักฐานเป็นพุงน้อยๆ นี่แหละ
ต้องขอขอบคุณทางคาร์เนชัน F&N Dairies ประเทศไทย ที่ให้เกียรติเชิญทีมงานเว็บว่านน้ำไปเป็นส่วนหนึ่งในทริปนี้นะคะ ขอบคุณพี่อิงค์ ภาสันต์ และผู้ร่วมทริปทุกท่านที่มาสร้างประสบการณ์ประทับใจดีๆ ร่วมกัน แล้วพบกันใหม่คราวหน้า สวัสดีค่ะ