เมื่อวันที่ 24.07.13 รายการ “เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย” จัดการแข่งปะทะสองแนว เมื่อ”เชฟผู้ท้าชิง ขาลุย” ขอท้าชน”เชฟกระทะเหล็ก”
ว่านน้ำร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินเช่นเคย ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่แล้ว ที่ว่านได้รับเกียรติเป็นกรรมการร่วม..
เบื้องหลังเบื้องลึกเป็นยังไง ไปชมกันเลยค่ะ = )
ห้ะ ภาพในจอนั่นอะไรตุ่ม ๆ เอ่ย?
วัตถุดิบลับเหรอ???
ไม่ใช่ค่ะ วัตถุดิบลับของค่ำคืนนี้ได้แก่.. “หอยงวงช้าง” ค่าาาาาา (เวลามันมาอยู่ด้วยกันเยอะ ๆ ที่ออกแนวหยึย ๆ น่ากลัวแฮะ (-“- ))
ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/ironchefthailand
หอยงวงช้างมีรสชาติที่ค่อนข้างอ่อน และหากปรุงสุกเกินไปก็แข็ง-เหนียว-เคี้ยวยาก
นับว่าเป็นวัตถุดิบที่ค่อนข้างท้าทายนะคะ
แล้วเชฟท่านไหนจะนำเสนอความเป็นหอยงวงช้างได้ดีกว่ากันเอ่ย.. =)
สำหรับเชฟผู้ท้าชิง “เชฟอู้ดดี้” “Oudi” วีระยุทธ อุเทศพรรัตนกุล ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารสหรัฐอเมริกา
ทั้งยังเคยเข้าร่วมการแข่งขันทำอาหารและได้รับรางวัลชนะเลิศมาแล้วจาก Texas Restaurant Association และ American Culinary Federation
เคยเปิดร้านอาหารชื่อ Flavor Asian Fusion and Dessert Bar ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีมากผู้คนที่ Dallas
สไตล์ถนัดของเชฟอู้ดดี้คือการผสมผสานวัตถุดิบนานาชนิดจากทุกมุมโลกเป็นอาหารแบบFusion..
ถ่ายทำไปเมื่อวันที่ 14.07.13 ที่ผ่านมา
ครั้งนี้กรรมการแทบจะชุดขาวดำกันทั้งโต๊ะโดยไม่ได้นัดหมายเลย มีพี่นีโน่ กับพี่เก๋ ชลลดา(ผอมสวยเหมือนเดิม) เป็นกรรมการด้วย
และในครั้งนี้ก็เริ่มชิมกันที่อาหารของเชฟบุญธรรมก่อนค่ะ
จานแรก “หอยงวงช้างสะบัดงวง”
เป็นการเปิดฉากที่สดชื่น รสเปรี้ยวกำลังเหมาะ มีเผ็ดพอสะดุ้งลิ้นนิดๆ เรียกน้ำย่อยได้ดีค่ะ
หอยงวงช้างกรุบดี ไม่เหนียว แม้เกือบ ๆ จะโดนตุ่มหมึกยักษ์กลืนไปหน่อย แต่ยังค่ะ
ดอกKogikuที่ใส่มาก็ช่วยเสริมในเรื่องกลิ่นและสีสันได้เป็นอย่างดี
“หอยสิ้นฤทธิ์” จานนี้เนื่องจากเนื้อปลาดาบญี่ปุ่นมีความฉ่ำมาก และเมื่อต้องทอดทิ้งไว้สักพักนึงแล้ว เทมปุระจึงค่อนข้างชื้นไปหน่อย
(จริง ๆ เชฟกระทะเหล็กเจนสนามKitchen Stadiumอย่างเชฟบุญธรรมไม่น่าพลาด )
ยังดีที่เชฟเลือกเสิร์ฟพร้อมกับเกลือYuzu ไม่ใช่น้ำจิ้มเทมปุระ เลยไม่พากันชื้นมากไปกว่านี้
คิดว่าถ้าแผ่เนื้อปลาให้บางกว่านี้หรือใส่เนื้อหอยงวงช้างให้มากกว่านี้ น่าจะดีขึ้นค่ะ รสชาติของหอยงวงช้างจะไม่ถูกกลืนไปมากด้วย
“หอยงวงช้างกระดาษหม้อไฟ” จานนี้ต้องเรียกว่ารสชาติดีตามวิถีเชฟบุญธรรม..
เชฟบุญธรรมเป็นเชฟที่สามารถดึงรสชาติอาหารมาไว้ในน้ำซุปได้ดีมาก รสชาติวัตถุดิบชัดเจน แต่ไม่เลี่ยนหรือหนักเกิน
ตัวหอยงวงช้างในซุปก็ไม่สุกเกินไป ยังมีความกรุบอยู่ ถือว่าผ่านสบาย ๆ แต่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก
“ชิบิยะคุเอ็น น้ำพุแห่งความเชื่อ” จานนี้พรีเซนเทชั่นมโหฬารอลังการราชบุรีศรีโอ่งมังกรมากค่ะ (^^’ )
กรรมการแต่ละท่านจะได้อ่างไม่เหมือนกันนะคะ ของว่านเป็นฮก-ลก-ซิ่ว ของกรรมการอีกท่านเป็นช้างน้อยค่ะ น่ารักเชียว..
ออกจะ งง งง อยู่ว่าตกลงจะไทย-จีน หรือญี่ปุ่น-ดินแดง? 555
![]() |
![]() |
มาว่ากันถึงเรื่องรสชาติบ้างค่ะ..
จานนี้ถ้าจิ้มแค่หอยงวงช้างซาวน้ำกับโชยุนี่จบข่าวเลยค่ะ รสชาติธรรมดาสามัญประจำบ้านมาก ไม่มีความ “ว้าว” แต่อย่างใด
แต่เมื่อจิ้มกับมิโสะหอยงวงช้าง (ขวาบนของภาพ ข้างโชยุ) รสชาติ “เต็ม” และ “ว้าว” ขึ้นมาทันใด
เป็นส่วนเสริมที่ขับให้รสชาติของหอยงวงช้างเต็มอิ่มและโดดเด่นขึ้นมาทันทีค่ะ
มาถึงทางฝั่งเชฟอู้ดดี้ เชฟผู้ท้าชิงบ้าง..
มาในธีม Circle of Life แต่ละจานนี่แนว Fusion เต็มเหนี่ยวมาก ๆ เรียกได้ว่าคนละขั้วกับเชฟบุญธรรมเลย
เปิดตัวมาอย่างเก๋ไก๋ด้วยจานนี้ “หอยงวงช้างแพ้ท้อง” รสชาตินุ่มนวล หอยงวงช้างสุกกำลังดี
ไข่Ikura และCajun Spice ที่โรยหน้า ช่วยขับรสชาติไม่ให้จืดชืดหรือน่าเบื่อ ถือว่าเชฟอู้ดดี้เปิดฉากได้ดีค่ะ
จานต่อมา.. “หอยงวงช้างอรุโณทัย”
ด้วยความที่เชฟอู้ดดี้ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงของบาร์บีคิว – Dallas มานานปี ซอสบาร์บีคิวของเชฟจึงอัดแน่นไปด้วยรสชาติ เข้มขลังได้ใจเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งรวมกับเห็ดEringiกรุบ ๆ เบค่อนเยิ้ม ๆ ที่อเมริกันชนนิยมบูชาว่า “ใส่อะไรก็อร่อย” แล้วนั้น..
ต้องถือว่าจานนี้เด็ดดวงมาก ประหนึ่งได้ประหนึ่งกลิ่นฟืนควันไฟ น้ำมันย่างหยดฉ่าลอยมามาก..
แต่.. รสชาติของหอยงวงช้างนั้น.. ถูกกลืนหายไปในความมันเอิบอาบของเบค่อน และรสชาติจัดจ้านของซอสบาร์บีคิวแสนอร่อย..
น่าเสียดายค่ะ เป็นอีกครั้งอาหารจานนี้เป็นจานที่อร่อย แต่ตกในแง่ของการชูรสชาติวัตถุดิบซะนี่..
“หอยงวงช้างหลากอารมณ์” จานนี้หลากอารมณ์จนก่อให้เกิดความแตกตื่นในหมู่กรรมการเล็กน้อย!!!
ไม่ใช่อะไรค่ะ คือเชฟอู้ดดี้มีคอนเส็ปต์ในการกินว่าต้องเริ่มจากถ้วยขาวข้างตะเกียบ กินทวนเข็มนาฬิกา
แล้วจานของกรรมการแต่ละคน ดันวางเรียงไม่เหมือนกันซะงั้น (-“- )
เลยเกิดความโกลาหลเบา ๆ ว่าตกลงของใครวางถูก แล้วจะเรียงยังไง กินยังไงกันแน่..
สลับจานกันสนุก สนุกสนานกันไปค่ะ (^^’ )
จานนี้พรีเซ็นเทชั่นสวยงามสไตล์ฟิวชั่นมาก ๆ
อาหารที่จัดมาถึง 4 อย่าง แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเชฟอู้ดดี้ที่จะนำเสนอความเป็นหอยงวงช้างให้หลากหลาย
แต่.. บางครั้งความพยายามที่มากไป ก็เป็นผลเสียได้เช่นกัน..
ใน 4 อย่างนี้ มีจุดอ่อนถึง 2 อย่าง อย่างแรกคือหอยงวงช้างกับแอปริคอตในขวดโหล..
แอปริคอตมีความหวานและรสชาติที่เข้มข้นมาก เมื่อรับประทานรวมกับหอยงวงช้าง ทำให้รสชาติของหอยงวงช้างจมหายไปเลย
ถ้าสัดส่วนของหอยงวงช้างมากกว่าแอปริคอต หรือทอนชิ้นแอปริคอตให้มีขนาดเล็กลง น่าจะช่วยได้มาก
อีกอย่างหนึ่งที่เป็นจุดอ่อนคือหอยงวงช้างบนเส้นโซบะค่ะ
ถึงหอยงวงช้างจะปรุงออกมาได้รสชาติดี แต่เส้นโซบะนั้นสุกนิ่มเกินไป จึงกลายเป็นก้าวย่างของเชฟผู้ท้าชิงที่พลาดไปอย่างน่าเสียดายเช่นกัน
อันที่ว่านชอบที่สุดคือSalsaหอยงวงช้างที่อยู่หน้าสุดค่ะ
หอยงวงช้างปรุงมาได้อย่างกำลังดีจริง ๆ รสชาติแม้จะเข้มข้นและเผ็ดร้อน แต่ก็ไม่ข่มรสชาติของหอยงวงช้าง
แต่กลับเสริมความสด กรุบ และหวานอร่อยของหอยงวงช้างได้เป็นอย่างดี
งานนี้ถ้าเชฟอู้ดดี้เลือกทำ Salsaหอยงวงช้าง มาอย่างเดียว รับรองว่ามีลุ้นค่ะ
จานสุดท้าย “หอยงวงช้างเหนียวหนึบ”
จานนี้ก็ได้กลิ่นอายความเป็นอเมริกันมากมาย.. เหมือน Rice Pudding
กินแล้วหวาน นุ่มเนียน.. ไม่รู้สึกคาว หรือระคายใจว่าเป็นหอยงวงช้างเลยค่ะ
แต่.. นั่นแหละคือปัญหา.. 1 ในหัวข้อตัดสินหลัก คือการชูรสชาติของวัตถุดิบ
จานนี้ถึงจะใส่หรือไม่ใส่หอยงวงช้าง ก็ไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง
ถามว่าเป็นของหวานที่อร่อยไหม – อร่อย
ถามว่าเป็นอาหารที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ไหม – มาก
แต่ตกในแง่ของการชูรสชาติวัติถุดิบหลัก อันได้แก่หอยงวงช้างค่ะ
httpv://www.youtube.com/watch?v=oO5SextlIlc
งานนี้ต้องเรียกว่า เชฟผู้ท้าชิงแพ้เพราะคำนึงถึงในเรื่องของการชูรสชาติวัตถุดิบหลักน้อยไป..
กว่า 2 ใน 4 จานที่รสชาติของหอยงวงช้างจมหายไปในรสชาติสิ่งอื่น
ในด้านรสชาตินั้นสูสีกันทั้งเชฟบุญธรรมและเชฟอู้ดดี้
อันที่จริงการนำเสนอ การจัดจานและความคิดสร้างสรรค์ ว่านว่าเชฟผู้ท้าชิงทำได้ดีกว่าหน่อยนะคะ
ถ้าเชฟอู้ดดี้กลับไปไปฝึกปรือเพื่อมาท้าแก้มือ เชฟบุญธรรมคงต้องเตรียมตัวไว้ให้ดีแล้วล่ะค่ะ
ทุกอย่างย่อมต้องมีการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ.. การวิจารณ์อาหารเองก็เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ว่านกำลังอยู่ในช่วงเกียร์ว่างทางความคิด
เพราะน่าเศร้าที่ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งซึ่งไม่น้อยเลย.. มองบล็อกเกอร์เป็น “สื่อราคาถูก”
และดูเหมือนผู้ประกอบการส่วนนั้นจะไม่สนว่าบล็อกเกอร์คนนั้
สิ่งที่เขาต้องการคือบล็อกเกอร์แนวแนะนำร้านอาหาร ถ่ายรู
ไม่ใช่บล็อกเกอร์วิจารณ์อาหาร..
ว่านมองว่าทุกอย่างย่อมมีแง่
แต่การที่เราไม่จริงใจกับคนอ่
แต่ในเมื่อผู้ประกอบการส่วนนั้น.. ยังไม่เปิดใจ หนำซ้ำผู้อ่านส่วนนึงก็มองว่าบล็
ทำให้ว่านต้องตั้งคำถามกับตนเองว่า แล้วเราจะวางตัวเองไปในแนวไหน
.. และการไปเป็นกรรมการตัดสินเชฟกระทะเหล็กครั้งนี้ ก็ทำให้ว่านได้รับคำตอบค่ะ
ในครั้งนี้ว่านเองได้รับคำวิจารณ์จากพี่นีโน่ว่า “พูดตรงดี มาบ่อย ๆ นะ ผมชอบ”
เป็นกำลังใจและเหมือนชี้ทางที่ถูกที่ควรให้แก่ว่านมากเลยค่ะ ขอบคุณพี่นีโน่อีกครั้งตรงนี้นะคะ
ขอบคุณทางรายการเชฟกระทะเหล็กประเทศไทยที่ให้เกียรติเชิญว่านน้ำไปเป็นกรรมการเช่นเคย = )
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ สวัสดีค่ะ