Haoma ฟังดูคล้ายภาษาจีน แต่แท้จริงแล้วคือชื่อต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาไซโรอัสเตอร์ของเปอร์เซีย ด้วยความเป็นมงคลแห่งนามนี้เอง จึงเป็นที่มาของร้าน Haoma ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท31นี้
 
คอนเส็ปต์ Farm-to-Table ไม่น่าตื่นเต้นอีกต่อไป และดูจะเป็นความเกร่อไปเสียแล้ว ในเมื่อหลายต่อหลายร้านต่างเห่อทำตาม ๆ กันอย่างไม่ได้เข้าใจโดยแท้จริงนัก Haomaก้าวไปไกลกว่าแค่คำว่าเทรนด์ ไม่ได้มี Urban Farm ในร้านไว้ประดับ”เก๋ ๆ” แต่ยังมุ่งมั่นในความรักษ์โลกเป็นอย่างมาก 

แค่organic, aquaponic และ hydroponic นั้นธรรมดาไป.. Haoma มีบ่อเลี้ยงปลาที่นอกจากจะใช้น้ำในบ่อเพื่อรดต้นไม้ มูลปลาเป็นปุ๋ย ปลานั้นก็เลี้ยงโดยอาหารเม็ดที่ทำเองจากเศษอาหารเหลือ.. เท่านั้นยังไม่พอ Haoma ยังมุ่งมั่นสู่ความเป็น Zero Waste และ Carbon Negative Restaurant อีกด้วย.. 

 
แน่นอนว่าHaoma ไม่ใช่ฟาร์มออร์แกนิกพอเพียง แต่เป็นร้านอาหาร.. ฉะนั้นหัวใจสำคัญก็คืออาหาร เชฟDeepanker Khosla หรือเชฟดีเค Executive Chefของทางร้านนั้น ไม่ได้ยึดติดว่าอาหารของHaoma จะต้องเป็นอาหารชนชาติไหน ขอแค่สามารถถ่ายทอดพลังจากวัตถุดิบสู่คนกินได้เป็นพอ.. การตกแต่งในร้านก็เช่นกัน ล้วนเต็มไปด้วยงานไม้และความเขียวชอุ่มของพืชพรรณ 

ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของ Haoma นั้นไม่ได้มีแค่กับคนและพืชเท่านั้น คุณสามารถพาสัตว์เลี้ยงแสนรักมาใช้เวลาอย่างเป็นสุขที่Haoma ได้ด้วย.. ใช่ค่ะ ที่นี่เป็น Pet-friendly Restaurant 

เครื่องดื่มล่ะ??
แม้แต่ค็อกเทล ก็มีความสอดคล้องกับคอนเส็ปต์ของทางร้าน เบสด้วยผักและผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งหลายชนิดเรียกว่าเก็บกันสด ๆ จากในสวนนั้นเอง..

เริ่มมื้อกันอย่างเบา ๆ 

Bloody Pommes
ทำจากมันฝรั่ง ข้างในมีเซอร์ไพร์ส ต้องรับประทานภายในคำเดียว

Heritage Grains with In House Grown Greens
แน่นอนว่าMizuna ที่ประดับนั้น สดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เรียกว่าเป็น Zero-kilometer Food อย่างแท้จริง เพราะเก็บจากUrban Farm ของทางร้านนั่นเอง 

Fresh Milled Job’s Tear Bread with Cultured Butter & Fermented Pineapple
ขนมปังอบมาร้อน ๆ นุ่ม ๆ ที่เห็นนี้ ทำจากลูกเดือยบดสด เสิร์ฟพร้อมเนยหมักและน้ำสับปะรดหมัก อาจจะฟังดูแปลก ๆ แต่อาหารหมักนั้น แฝงตัวอยู่เงียบ ๆ กับการกินของคนเรามาช้านาน ช่วยชูรสให้รสชาติอาหารโดดเด่นขึ้น พูดแล้วจะร้องอ๋อ อย่างง่าย ๆ พื้น ๆ ก็กะปิ น้ำปลา มิโสะ เต้าเจี้ยวนั่นไง..

แน่นอนว่าน้ำสับปะรดหมักนั้น.. Homemade ที่แท้ทรู..  

Ice Apple & Scallop Carpaccio with Raw Mango, Tiger’s Milk
ชอบจานนี้ในความฉลาดของการล้อกันของเนื้อสัมผัสระหว่างลูกตาลอ่อนฝานบาง กับหอยเชลล์สดสไลด์อย่างcarpaccio มีมะม่วงดิบมาช่วยเพิ่มความกรุบกรอบและเบรกจากความนิ่มนวล ส่วนTiger’s Milk นั้นคือLeche de Tigre เป็น”น้ำซอส”อย่างPeruvian ได้จากการหมักอาหารทะเลกับน้ำมะนาว คล้ายกับอาหารไทยโบราณอย่างน้ำสะเออะอยู่เหมือนกัน 

เป็นอาหารจานที่กินแล้วสดชื่นดี.. 

Palate cleanser กันด้วย Buttermilk Sorbet.. เป็นสัญญาณว่า main course จะมาแล้ว

Tangerine Duck with Orange, Dates, Pomegranate & Lentils
ไม่ค่อยมีอะไรให้ติชมมากนัก.. 

จบมื้อกันด้วย Chocolate served with Sunchoke & Cacao Nibs 
เป็นการใช้แก่นตะวันมาประกอบของหวานที่น่ารักดี 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ Haoma กันได้ที่ https://www.facebook.com/HaomaBKK/ และ http://www.haoma.dk/ การมานั้น ขอแนะนำให้เปิด Google Map นำทาง อาจจะค่อนข้างงงงวยอยู่สักหน่อยสำหรับคนไม่เคยมา แต่เมื่อได้มาแล้วก็จะเข้าใจ.. 

ขอบคุณ Haoma ที่เชิญว่านน้ำไปลอง พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ