ความเดิมตอนที่แล้ว..
สู้ศึกสิว.. กันอีกสักที กับ Photodynamic Therapy o=(>_< )o 
http://wan-nam.com/fight-w-acne/

Photodynamic Therapy ฉบับย่อจากทวิตเตอร์คุณหมอวรพงษ์ มนัสเกียรติ @DrWoraphong
การรักษาสิวอักเสบหรือสิวหัวช้างด้วยวิธีโฟโต้ไดนามิกส์ (Photodynamic Therapy) หรือที่เรียกสั้นๆว่า PDT
ยา Roaccutane นับเป็นยาที่ใช้รักษาสิวอักเสบมากและสิวหัวช้างได้ดี แต่มีผลข้างเคียงสูง ยาอาจทำให้ตับอักเสบหรือไขมันในเลือดสูง ต้องตรวจเลือด
นอกจากนี้ยา Roaccutane ยังทำให้หน้าแดง  ปากแห้ง ปากแตก ผิวแห้ง หรือแม้กระทั่งเวลาแต่งหน้าแล้วก็ดูไม่เรียบเนียน
หลักการในการรักษาวิธี PDT คือการใช้ตัวยา Amino-Levolunic Acid (ALA) บนผิวบริเวณที่เป็นสิวแล้วทิ้งไว้ 45 นาที
ยา ALA ที่ทาเป็นสารไวแสงซึ่งจะซึมไปจับบริเวณต่อมไขมันและเชื้อแบคที่เรียที่ก่อให้เกิดสิว
เมื่อ ALA ทำปฎิกริยากับแสงจะทำให้เกิดกระบวนการทางเคมีซึ่งทำให้เกิดอนุมูลอิสระในการทำลายเชื้อแบคทีเรียสิวอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
อีกทั้งยังทำให้ต่อมไขมันฝ่อตัวจึงทำให้ร่างกายผลิตไขมันบนใบหน้าได้น้อยลงด้วย
วิธีรักษาสิวอักเสบด้วย PDT ต้องทำทุก 1-2 อาทิตย์ติดต่อกัน 4-5 ครั้ง
PDT เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้มีปัญหาสิวอักเสบเรื้อรังและดื้อยา หรือท่านที่ไม่อยากเสี่ยงกับผลข้างเคียงของการรับประทานยา
แต่ PDT มีข้อควรระวังอีกประการ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการรักษาควรหลบเลี่ยงแสงแดดเพราะอาจทำให้ผิวหน้าคล้ำขึ้นได้
.
ว่านเริ่มรักษาเมื่อ 24.04.12
ไปพบคุณหมอรังสิมาหรือคุณหมอเพ็ญ ที่iSKY 2อาทิตย์ครั้ง
พอหลังจากรักษาไปได้ 3 ครั้ง = ครบ 1 เดือน เมื่อ 23.05.12..

จะเห็นได้ว่าสถานการณ์สิวอักเสบดีขึ้นมาก รอยแดงยังมีอยู่บ้าง เพราะยังไม่ได้จริงจังกับการรักษารอยแดงเท่าไหร่ เรียกว่าปราบสิวกันก่อน
สังเกตได้ว่า 3 รูปหลัง วันที่ถ่ายจะค่อนข้างติดๆๆกัน เพราะอยากให้เห็นความเร็วของการแห้งของสิวอักเสบตรงคาง หลังการยิงค่ะ


ระหว่างที่รักษา ขั้นตอนก็เหมือนที่เล่าไปในคราวที่แล้ว
ไปหาคุณหมอ 2 อาทิตย์ครั้ง / ไปถึงก็ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด / ทา ALA ทิ้งไว้ ซึ่งจะเพิ่ม%มากขึ้นในครั้งหลังๆ / คุณหมอมาปรับตั้งค่าเลเซอร์และยิง V-beam / ล้างหน้า ล้างหน้า และล้างหน้า / กลับบ้านได้ / งดเว้นการทาครีมใดๆ 1 คืน / วันรุ่งขึ้นใช้ชีวิตได้ตามปรกติ และห้ามละเลยกันแดด
( จริงๆไม่ควรละเลยกันแดดไม่ว่าในวันไหนๆของชีวิตอยู่แล้วล่ะค่ะ (^^ ) )
ระหว่างนี้หน้าก็มันน้อยลงมากกกก.. เรียกว่า90% เลยแหละ เกิดมาไม่เคยรู้สึกหน้าแห้งสบายอย่างงี้มาก่อน XD
ช่วงจมูก+คางยังมีติดมันบ้างนะคะ แต่แค่นี้ก็พอใจแล้วแหละ เพราะว่าเดิมเป็นคนหน้ามันม๊ากกกก

ว่านไปพบคุณหมอเพ็ญครั้งสุดท้ายเมื่อ 05.06.12 ( ครั้งที่ 4 )
คุณหมอก็บอกว่ารอดูสถานการณ์บนใบหน้าละกัน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงยังไง แต่เราน่าจะกระชับพื้นที่สิวได้แล้ว ( เฮฮฮฮฮฮฮ.. )
รูปนี้หลังจากไปพบคุณหมอครั้งสุดท้ายได้ 2 วันค่ะ 07.06.12

จะเห็นได้ว่าสิวที่คางนี่มันดื้อมาก! แสงในอาคาร+รองพื้น+แป้ง แต่งหน้าเต็มสูตรค่ะ
พอครบ 2 เดือน เมื่อ 24.06.12

หน้าเปลือยๆค่ะ ไฟในห้าง ทาแต่กันแดด+แป้งฝุ่น ไม่ได้ลงรองพื้นหรืออื่นใดทั้งสิ้น..
พอใจค่ะ (^^ )

ทั้งนี้.. ระหว่างสู้ศึกสิวที่หน้า
หลังจากหาคุณหมอได้ครั้งสองครั้ง ว่านก็คิดว่าไหนๆก็ไหนๆก็ต้องมาพบแพทย์ประจำละ สู้ศึกสิวที่หลังอีกสักทีไปด้วยเลยละกัน..
ประวัติสิวที่หลังว่านก็คล้ายๆกับสิวที่หน้า.. คืออยู่ยั้งยืนยงคงกาละมังมาด้วยกันนานมากกกกกก.. ดีมั่งแย่มั่ง.. มันเป็นสิวยีสต์ค่ะ
จะแป้งน้ำค่ายไหนๆ สบู่ยา สบู่มาดามเฮง สบู่หนุ่มแว่น สบู่ก๊กเลี้ยง สบู่Harrogate สบู่อินเดีย Selsunฟอกหลัง เปลี่ยนผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ต้มผ้าปู ต้มชุดนอน.. ทำมาหมดแล้วเช่นกัน
ร่ำๆจะอุทิศตนไปเป็นแท่นนวดขนมปังให้ปาติซิแยร์ก็หลายครั้ง เพราะนวดขนมปังที่หลังว่านแล้วขนมปังคงขึ้นฟูดีด้วยอุดมยีสต์ ( เชอะ! )

ว่านก็กระมิดกระเมี้ยนบอกคุณหมอเพ็ญว่า.. ว่านเป็นสิวที่หลังด้วยค่ะ
คุณหมอเพ็ญก็ยิ้มแล้วถามว่าเคยรักษามารึยังคะ ก็เลยบอกไปว่าเคยรักษานานแล้ว หมอบอกเป็นสิวยีสต์ แล้วรักษาไม่หายขาดซะที ว่านก็เลยขี้เกียจรักษา (-_-” )
คุณหมอก็บอกว่าการรักษาสิวที่หลังในความเป็นจริง ต้องให้แพทย์วินิจฉัยก่อนให้แน่ใจว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เพราะมีภาวะหลายอย่างที่อาจไม่ใช่สิว เช่น ผดร้อน ต่อมขนอักเสบ สิวจากเชื้อรา หรือสิวจากแบคทีเรีย แพทย์ผิวหนังที่ผ่านการฝึกอบรมมา จะสามารถแยกสิวชนิดนี้ออกจากการได้จากการตรวจ หรือส่ง lab แล้วก็จะรักษาที่สาเหตุเลย ไม่ใช่ต้องมาลองรักษาสิวทั่วไปก่อน ถ้าไม่ดี ค่อยรักษาสิวจากเชื้อรา ที่จริงถ้าคิดว่าคนไข้เป็นจากสาเหตุใด ก็รักษาที่สาเหตุนั้นไปเลย จะประหยัดเวลาการรักษา และค่าใช้จ่ายสำหรับคนไข้ได้

สรุปแล้วก็สรุปว่าว่านเป็นสิวยีสต์(รา)น่ะแหละค่ะ (=_=” )

ทีแรกว่านก็ถามคุณหมอเพ็ญว่าสิวยีสต์ที่หลังนี่รักษาด้วย PDT ได้ไหมคะ.. ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไร จะได้ขอคุณหมอว่าอยากรักษาด้วยวิธีอื่น เพราะPDTที่หน้ายังหลายพัน
ที่หลังพื้นที่เยอะกว่าหน้าตั้งหลายเท่า ( ถึงว่านจะหน้ากลมก็เหอะ ) สงสัยปาไปเป็นหมื่นแน่ๆ กินแกลบกันพอดี (Y_Y )
คุณหมอเพ็ญบอกว่าPDT ใช้กับสิวจากเชื้อราไม่ได้ เพราะเชื้อราไม่ดูดซึมยาเข้าไปในตัวเหมือนเชื้อP. Acne .. ก็เป็นอันว่าว่านน้ำก็รอดตัวจากการกินแกลบไป 555

การรักษาสิวยีสต์ที่หลังก็ไม่มีอะไรมากค่ะ จริงๆก็คล้ายๆกับที่อื่น คือ
1. มีสบู่เหลวมาให้ฟอกหลังทิ้งไว้ก่อนอาบน้ำ 2. มีแป้งน้ำมาให้ทาหลังอาบน้ำ
จะมีที่แตกต่างก็คือมีกินยาร่วมด้วย อันนี้ไม่เคยมาก่อน..

วิธีการรักษาอาจจะไม่ต่าง แต่ผลที่ได้.. กลับแตกต่าง
เพราะตอนนี้น้องยีสต์ที่หลังที่อยู่ด้วยกันมานาน.. ได้ไปสู่สุขคติแล้ว _/|\_
ไปดีเถอะนะ น้องยีสต์.. ขอให้ชาติหน้าเกิดมาเป็นยีสต์ขนมปังอร่อยๆ จะได้มีแต่คนแย่งกันกิน..

ดูจากรูปอาจจะเห็นไม่ชัด ( ถ่ายรูปยากมาก ขอบอก.. ต้องใช้กระจกส่องสองบานแล้วถ่ายจากกระจกบานใหญ่อีกที )
เพราะแผลเก่าจากสงครามมันเยอะ (-“- ) แต่ตอนนี้สิวผด+สิวอักเสบที่หลังไม่มีแล้วค่ะ
เหลือแต่รอยแผลเป็นด่างดำจากสงครามสิวที่จะต้องรักษากันต่อไป (^^’ )

แล้วจะมาอัพเดทกันอีกนะคะ ว่ารักษารอยแล้วเป็นยังไง XD