มนต์เสน่ห์เมืองเหนือ.. ยังขลังมิวาย..
ยิ่งในงานพิธียี่เป็งอันเป็นที่ลือเลื่องไปทั่วโลกว่างามหนักหนา ว่านน้ำจะขอพาทุกคนไปเที่ยวเมืองเหนือกันอีกครั้งค่ะ =)
การเดินทางของเรา เริ่มต้น ณ นครอันแสนสงบสุข.. ดาราเทวีแสนงาม..
เฝ้ามองท้องฟ้าเปลี่ยนสี ก่อนแสงสุดท้ายจะจูบลาเรียวข้าว..
ข้างแก้วดอกไม้นั้น ความใส่ใจของดาราเทวีที่แอบอยู่อย่างสงบเสงี่ยมคือสเปรย์กันยุง
แต่ลมดี ๆ ไวน์เย็น ๆ นานาเครื่องว่างและเสียงหัวเราะที่ดังแว่วจากทางนู้นที ทางนี้ที ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครใส่ใจยุงนัก..
จวบจนเวลาล่วงถึงยามค่ำ เราจึงไปรับประทานอาหารกันที่เลอกรองล้านนา – Le Grand Lanna
เริ่มมื้อด้วยค็อกเทลหลากหลาย บางแก้วเป็น Signature มีเฉพาะที่ La Grand Lanna นี้
สนนราคาไม่ต่างจากกรุงเทพเท่าใดนัก..
อาหารที่ La Grand Lanna มีทั้งแบบตามสั่ง และเป็นเซ็ต..
ค่ำคืนนั้น พวกเราสั่งแบบเป็นเซ็ตกันค่ะ ต่อเซ็ตก็ 1,450++
เริ่มคอร์สกันด้วยของว่างรวม มีปอเปี้ยะกุ้งทอด ไก่ห่อใบเตย ยำส้มโอ และปูจ๋า..
มีชาวคณะที่แพ้ปูและกุ้ง.. ทางดาราเทวี ก็จัดเซ็ตแยกเฉพาะตัวมาให้ เป็นของว่างรวมแบบปลอดปูปลอดกุ้ง น่ารักเชียว =)
ต้มข่าไก่ มาในถ้วยซุปแบบนอก.. อย่าอ่านว่าแบ-บน-อก.. เชียวนะคะ
ถ้วยซุป 2 หูแบบนี้ พอเรากินซุปใกล้หมด สามารถยกดื่มได้ค่ะ ไม่ถือว่าเสียมารยาท แต่ห้ามดื่มเสียงดังล่ะ
ตามมาติด ๆ ก็คือแกงเขียวหวานหมู ไม่หวานจัด ไม่ข้นเกิน พริกแกงชัดเจน..
เนื้อน้ำตก.. จานนี้หลายคนก็ชอบค่ะ คนไม่กินเนื้อก็มีหมูน้ำตก
จานนี้อยู่นอกเซ็ต แต่ต้องขอสั่งค่ะ เพราะเป็นจานเด็ดของที่ La Grand Lanna.. “จิ้นส้มคั่วไข่สองสี” ค่ะ
เป็นแหนมผัดไข่เค็มกับไข่เยี่ยวม้า ได้ทั้งรสเค็มมันของไข่เค็ม และรสเข้มข้นของไข่เยี่ยวม้า มีหนังหมูหนุบ ๆ แหนมเปรี้ยว ๆ มาเบรกไม่ให้เลี่ยน ควรลองค่ะ =)
ของหวานตบท้าย..
ข้าวเหนียวมูนได้นุ่มนวล ยังเป็นเม็ดไม่แฉะเละ มะม่วงฉ่ำ น้ำกะทิเค็มหวานกำลังดี ช่วยตัดรส
ข้าวเหนียวมะม่วงนี้ รวมอยู่ในเซ็ตค่ะ =)
ปิดท้ายกันด้วยผลไม้รวม สำหรับคนที่กลัวอ้วน.. แต่ดูเหมือนจะยอมอ้วนกันถ้วนหน้า =)
ระหว่างมื้ออาหารก็มีการแสดงนาฏศิลป์ล้านนา..
มีนางรำมามอบของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับแขกทุกคน เป็นกะละแมค่ะ
จากดาราเทวีแสนงาม มาสู่ที่พักของเรา เป็นโรงแรมพึ่งเปิดหมาด ๆ We Valley Boutique Hotel
เหมาะสำหรับคนรักความสงบ อยู่ใกล้ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ มีรถรับส่งถึงสนามบิน และนิมมานเหมินทร์ด้วยนะคะ
สำหรับคนรักการออกกำลังกายและสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า ก็มีจักรยานให้ใช้ และมีร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่บริเวณล็อบบี้ด้วย
ห้องที่นี่จะเริ่มจากห้อง Superior มีทั้ง Double และ Twin Bed
ทุกอย่างในห้องเหมือนกัน ต่างกันแค่สีสัน แต่เตียงค่ะ
เขยิบมาจะเป็นห้อง Deluxe มี 3 ชั้น 3 สไตล์ให้เลือก
Tuscany Deluxe สีชมพูหวาน..
ถ้าเป็นห้องมุมขวาทางด้านหน้า ก็จะรับวิวของศูนย์ประชุม ฯ และดอยสุเทพเต็ม ๆ ตา..
ถ้ามาเป็นครอบครัวใหญ่ ห้อง Connecting Rooms ก็มีนะคะ =)
และห้องใหญ่สุดก็จะเป็นห้อง English Country Suite
จะมีแยกเป็นห้องนอน และห้องรับแขกซึ่งมีเคาน์เตอร์ครัวพร้อมไมโครเวฟ ในส่วนของห้องน้ำก็จะมีอ่างอาบน้ำเพิ่มมาค่ะ
ห้องที่ว่านพักเป็นห้อง English Country Deluxe
อาหารเช้าที่ We Valley จะเป็นบุฟเฟ่ต์นะคะ ข้าวต้มอร่อยดีค่ะ =)
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย.. เราก็.. หากาแฟดื่มค่ะ 555
คือในอาหารเช้าก็มีกาแฟแหละ แต่ชาวคณะหลายคนก็อยากดื่มกาแฟเคล้าบรรยากาศ.. พอดีใกล้ ๆ We Valley จะมีร้านกาแฟน่านั่งอยู่ ชื่อ Earth Tone House ( ร้านกาแฟวาวี Cozee Home เดิม ) อยู่ไม่ไกลมาก ไปทางถนนคันคลองชลประทาน เลี้ยวซ้ายเข้าศูนย์ฝึก รด. หนองฮ่อ ประมาณ 500 เมตรค่ะ ร้านอยู่ซ้ายมือ
ถ้ากลัวหลงก็โทรไปถามทางให้แน่ใจได้ที่ 053-414-190 ร้านหยุดวันจันทร์นะคะ
เนื่องจากร้านไม่ไกลมาก ชาวคณะหลายคนเลยปั่นจักรยานไป ที่เหลือก็นั่งรถไป ไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงค่ะ
ร้านบรรยากาศดีมาก เหมาะแก่การมานั่งชิลล์ นั่งถ่ายรูปเป็นที่สุด <3
มีมุมมากมาย และมีน้องแมวอยู่เยอะแยะด้วยสิคะ แต่เค้าจะสลับ ๆ กันออกมาโชว์ตัวนะ บางทีก็หลบไปมีมุมสงบของตัวเองบ้าง อะไรบ้าง..
มาดื่มกาแฟ ไฉนมีขนมมาพ่วงด้วยเสียงั้นหนอ.. แต่ไม่ว่ากัน เพราะบรรยากาศช่างเชิญชวนเหลือเกิน..
คืนนี้ไปลอยโคมยี่เป็ง.. ขอแต่งกายอย่างไทยหน่อย.. นะคะ =)
จากร้านกาแฟ ก็ได้เวลาอาหารเที่ยง.. มื้อนี้เรามาที่เดิม เฮือนใจ๋ยอง
ร้านอาหารพื้นเมืองยอง รสชาติอย่างเมืองแต่ก็ไม่พื้นบ้านไปนักจนไม่คุ้นลิ้นคนกรุง เรียกว่าเป็นส่วนผสมที่ค่อนข้างลงตัว เดี๋ยวนี้ขยายร้านไปร้านในเสียใหญ่โต.. อยู่เส้นบ้านธิ กม. 9 สันกำแพง..
ร้านเปิดช่วงกลางวันถึงแค่ 4 โมงเย็นนะคะ มาถึงก็จะมีขนมมายั่วยวนกันก่อนเลย
ทั้งข้าวต้มมัด ลูกชุบชาวบ้านลูกโตสีจัด หรือวุ้นกะทิสีสวย..
น้ำสมุนไพรก็มีหลากหลาย ส่วนตัวว่านชอบน้ำมะขามป้อมค่ะ ชุ่มคอดี แต่ถ้าจะให้ดื่มง่ายก็คงน้ำอัญชัญมะนาวหรือน้ำกระเจี๊ยบ..
จิ้นส้มผัดไข่ ที่นี่จะออกแห้ง ได้รสชาติอีกแบบ
ที่ไม่ทันได้ถ่ายภาพมาก็ลาบปลาคั่ว ไส้อั่วกับหมูทอด ผักนึ่ง แล้วก็แกงฮังเล(รสออกเค็มไปเสียหน่อย)
ไก่นึ่ง น้ำพริกหนุ่ม(ไม่เผ็ดมาก) จอผักกาด ไข่เจียว แกงโฮะ(พอฮังเล+อื่น=แกงโฮะแล้วรสชาติกำลังดีเลยค่ะ) ตำบะเขือไข่ต้ม ข้าวนึ่งกล้อง ปิดท้ายด้วยเฉาก๊วยหรือลอดช่องแตงไทยน้ำกะทิ ลอดช่องที่นี่ตัวออกจะใส ๆ ว่านถูกใจเฉาก๊วยมากกว่าค่ะ
อิ่มจากเฮือนใจ๋ยอง เราก็.. ไปกินกันต่อค่ะ 555
สำหรับของหวานนี่ได้เสมอ.. ไปที่เดิมกันอีกแล้ว Chedi เชียงใหม่ ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น Anantara เชียงใหม่..
ยามบ่ายกับสายน้ำไหลเอื่อย.. จิบน้ำชาแล้วฟังเเพื่อนคุยกันไปเรื่อย ๆ ก็มีความสุขดีนะคะ
บางครั้งความสุขของคนเรา ก็อยู่ตรงที่ไม่ต้องทำอะไรมากมาย.. แค่นั้นก็พอ..
ขนมสำหรับ Afternoon Tea มักเสิร์ฟมาบนถาดแบบ three-tiered
โดยจะมีจำพวกแซนวิช Scone และขนมหวานเสมอ.. ราคาต่อเซ็ต สำหรับ 1 ท่านก็ 750++ ค่ะ
ชอบรสชาติขนมและเครื่องน้ำชายุค Anantara นี้ มากกว่ายุค Chedi นะคะ
หลังจาก Afternoon Tea ก็ได้เวลาแห่งค่ำคืนยี่เป็ง..
เราไปร่วมงานปล่อยโคมลอยกับที่งานยี่เป็งกับแสนสิริ #SANSIRIYIPENG ที่โครงการเศรษฐสิริ สันทรายค่ะ
ภายในโครงการเศรษฐสิริ สันทราย พรายพร่างด้วยนานาดอกไม้ขาวประดับดางามตา..
ไหนจะกระทงอันน้อยใส่ผาติ้ดน่ารัก งานใบตองร้องกรองดอกไม้น้อยใหญ่ และนานาโคมทั้งโคมผัด โคมไห โคมธรรมจักร และอีกหลากโคมงาม ๆ ฝีมือป้ออุ้ยแม่อุ้ย เห็นแล้วชื่นใจในงานฝีมือแสนประณีตจริง ๆ ค่ะ
ในงานยังมีหลากหลายอาหารเหนือFusion จากร้านนาซิ จำปู๋.. ชื่ออาจแปลกหู เป็นภาษาอินโด แปลว่ากับข้าว กับปลา.. ค่ะ (^^ )
เศรษฐสิริ สันทราย เป็นโครงการบ้านเดี่ยวโครงการแรกของแสนสิริที่เชียงใหม่ ด้วยรูปแบบ Uniquely Lanna นำเสนอความละเมียดแห่งเอกลักษณ์ศิลปะล้านนา สะท้อนกลิ่นอายของคุ้มเมืองเหนือเมื่อกาลก่อน แต่ลดทอนความคร่ำครึ ทั้งยังแต่งแต้มด้วยความทันสมัยอย่างลงตัว ทำให้โครงการเศรษฐสิริ สันทรายนี้ เปล่งประกายแห่งล้านนาอย่างแท้จริง..
httpv://www.youtube.com/watch?v=MXPDaOfFRow
เนื่องด้วยตัวโครงการเศรษฐสิริ สันทรายนั้นแวดล้อมด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น ทั้งลำนำคาวที่ไหลรินผ่านโครงการ และดอยสุเทพที่ห่างไปไม่ไกลเลย แบบบ้านทั้ง 4 จึงตั้งชื่อตามบริบทโดยรอบของโครงการ อันได้แก่ ภูผา แม่น้ำ ท้องฟ้า และผืนดิน..
เริ่มกันที่บ้านหลังแรก ขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับครอบครัวที่พึ่งแยกมาจากพ่อแม่มามีบ้านเป็นของตัวเอง..
คีรีสิริ : พื้นที่ใช้สอยขนาด 160 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ห้องรับแขก พื้นที่เตรียมอาหาร และห้องครัว ห้องเก็บของ ที่จอดรถ 2 คัน
วารีสิริ : พื้นที่ใช้สอยขนาด 170 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ห้องรับแขก พื้นที่เตรียมอาหาร และห้องครัว ห้องเก็บของ ที่จอดรถ 2 คัน
นภางค์สิริ : พื้นที่ใช้สอยขนาด 240 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ห้องรับแขก พื้นที่เตรียมอาหาร และห้องครัว ห้องเก็บของ ที่จอดรถ 2 คัน
หลังสุดท้ายนี้ จะมีขนาดใหญ่สุด เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ มีห้องชั้นล่างด้วย จะไว้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ หรือปรับเป็นห้องทำงานก็ย่อมได้ ส่วนชั้นบนก็มีห้องพระ และห้องนอนชั้นบนก็มีห้องน้ำในตัวทุกห้องด้วยค่ะ
ธราสิริ : พื้นที่ใช้สอยขนาด 283 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ห้องรับแขก พื้นที่พักผ่อน ห้องพระ พื้นที่เตรียมอาหาร และห้องครัว ที่จอดรถ 2 คัน
เศรษฐสิริ สันทราย ตั้งอยู่บนถนนเชียงใหม่-พร้าว ห่างแยกตลาดรวมโชคและCentral Festival เพียง 2 กิโลเมตร (สิ่งสำคัญในชีวิตนะเออ) ทำเลศักยภาพไปมาสะดวก เดินทางเข้าออกตัวเมืองได้ในระยะ 10 นาที มีเพียง 160 ยูนิตเท่านั้นค่ะ ราคาเริ่มต้น 5.59-15 ล้านบาท รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.sansiri.com/singlehouse/setthasiri_sansai/th/home/index.aspx หรือ 1685
เพลินเพลิดกับการชมบ้านงาม ๆ เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละบ้าน..
พอรู้ตัวอีกที ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยดาวดวงน้อย..
ดาวหรือนั่น..
เขาเริ่มลอย”โกม” หรือโคมกันแล้วค่ะ แต่ก่อนอื่น ขอลอยกระทงขอขมาแม่คงคาที่ลำน้ำคาวก่อนนะคะ
“โกมลอย” หรือโคมลอยนั้น แท้จริงแล้วมีสองอย่างค่ะ โคมลอยแบบที่ลอยกลางวันจะเรียกว่าวโฮมหรือว่าวควัน ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไหร่ และโคมลอยแบบที่ลอยตอนกลางคืนจะเรียกว่าวไฟค่ะ
การปล่อยโคมลอยนั้นเชื่อว่าปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์..
ก่อนปล่อยโคม ต้องให้แน่ใจนะคะว่าควันอัดแน่นเต็มโคมแล้ว และไม่ควรลอยโคมในเมืองใหญ่หรือมีบ้านเรือนหนาแน่นค่ะ อาจเกิดอันตรายจากเหตุเพลิงไหม้ได้.. สืบสานประเพณีกันอย่างมีความรับผิดชอบนะคะ =)
จากงานพิธียี่เป็ง..
ก็ได้เวลาอาหารเย็น.. เห็นจะไม่พ้นบริเวณถนนนิมมาน ที่ดูเป็น a must ของเชียงใหม่..
คืนนั้นเราจบวันกันที่ Cafe Mini พิกัดหาไม่ยากเลย อยู่ตรงข้าม Monkey Club นิมมานซอย 9 พอดิบพอดี
เหมาะเติมพลังก่อนไปเริงรมย์ยามราตรี.. นี้ยังเยาว์ =)
จุดเด่นของร้านนี้ นอกจากนานาพาสต้าแล้ว
อยู่ที่เนื้อแกะและเนื้อย่างที่ปรุงรสซอสมาได้ค่อนข้างฉมัง การย่างทำได้ดี ไม่สุกเกิน..
หลังแล่เนื้อเถือหนัง ชิมรสหวานฉ่ำ ๆ หอม ๆ ของเนื้อกันแล้ว.. ชาวคณะหลายคนข้ามฟากไปลั้นลา ณ มังกี้กันต่อ
ส่วนว่าน.. วิถีแห่งยามค่ำคืน ถ้าไม่ก๊อกแก๊กหน้าคอมพ์ ก็คือ.. นอน.. ค่ะ (^^ )
เช้ามา.. เป็นเวลาตามอัธยาศัย
ใครใคร่นอน – นอน ใครใคร่ปั่นจักรยานชมวิว – ปั่น.. พอได้เวลา เราก็มาเจอกันและไปรับประทานอาหารเที่ยง ไม่ไกลจาก We Valley เลย นั่นคือร้านแก่นชัยอาหารอีสาน เดิมอยู่ตรงข้ามสยามทีวีเก่า บัดนี้เขามาสืบสานตำนานอาหารอิสานแห่งเมืองเหนือกันต่อที่ถนนคันคลองชลประทานก่อนถึง We Valley นี่แหละค่ะ
ข้าวนึ่ง หรือข้าวเหนียวร้านนี้ สีสันจับใจดีเหลือเกิน..
ตำปลาร้า เห็นสีสันก็ซี๊ดไปถึงใจ.. ไล่ไปถึงก้นกบ.. =P
แป้งนม หรือส่วนเต้านม.. หากินยากอยู่นะคะ แต่ที่นี่เค้ามีค่ะ (^^ )
นอกจากนี้ที่ฮอตฮิตกันก็มีเนื้อหลอด ปากเป็ดทอด และอีกเยอะมาก.. แทบจะเรียกได้ว่าสั่งเมนูไหนก็โดน..
แต่ขอบอกว่า.. สิ่งที่หลายคนลงความเห็นตรงกันว่าคือ “ที่สุดของแช้” ร้านนี้คือ..
ปีโป้.. แช่ – ตู้ – ฟรีซ.. เย็น ๆ หนึบ ๆ .. ที่สำคัญ.. ไม่ขาย แจกฟรีจ้า..
ใครผ่านไปถนนคันคลองชลประทานหรือพักที่ We Valley ก็แวะไปกินได้นะคะ ร้านสีแสบสันไม่แพ้รสชาติ เจ้าของก็แสบซ่าแต่ใจดีค่ะ 555
การมาเยือนเชียงใหม่ครั้งนี้ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรก ๆ อีกต่อไป.. แต่ก็ยังได้รับความประทับใจและความสุขทั้งแบบเนิบช้าและสนุกสนานกลับไปเหมือนเช่นทุกครั้งที่มา.. ดีใจที่ครั้งนี้ได้มาสัมผัสงานพิธียี่เป็งด้วยตนเองค่ะ ได้ยินแต่ค่ำร่ำลือว่างามหนักหนา.. ยิ่งมา ยิ่งสัมผัส ก็ยังมีอะไรให้ตื่นตาอยู่เสมอกับเมืองเชียงใหม่นี้..
ขอบคุณแสนสิริ ดาราเทวี We Valley
ขอบคุณพี่2หาว และ POGGHI สำหรับภาพว่านเอง รวมถึงคุณไก่ จ.ข. ในความช่วยเหลือ
ขอบคุณ Olympus Thailand ที่ให้ว่านมีโอกาสได้หยิบจับ OM-D E-M1 ในการเก็บภาพมาฝากทุกท่านนะคะ
พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ