*:+:* เรื่องเล่าการล่าคอนโดจากเฮียหมาร่าหมาหรอด ณ พันทิป ขอขอบคุณเฮียหมาร่าที่อนุญาตให้ว่านนำมาลงบล๊อกมา ณ ที่นี้ *:+:*

คอนโดมิเนียม Condominium เป็นคำในภาษาอังกฤษ ที่มาไม่แน่ชัด
แต่คาดว่า คงมีรากศัพท์มาจาก Condom + Aluminium 
ซึ่งคงจะหมายความว่า อาคารอลูมิเนียมซึ่งกันฝนได้ดีกว่าอาคารแบบเดิมเดิม

ไม่รู้แปลถูกป่าวนะ 

สำหรับภาษาไทย คอนโดมิเนียม แปลว่า “อาคารชุด” นิยามของมันคือ อาคารที่แยกกรรมสิทธิ์การถือครองออกเป็นส่วนๆ
โดยแต่ละส่วนประกอบด้วยกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคล และกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง

ทรัพย์ส่วนบุคคล ก็คือ ตัวห้องชุด
ทรัพย์ส่วนกลาง ก็คือ ส่วนอื่นๆในอาคารอันได้แก่ ลิฟท์ บันได ทางเดิน ห้องเครื่อง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ที่จอดรถ สำนักงานนิติบุคคล ฯลฯ และที่สำคัญคือ พื้นดินที่คอนโดนั้นตั้งอยู่


คอนโดมิเนียม แตกต่างจาก แมนชั่น อพาร์ทเมนท์ แฟลต ServiceApartment อย่างไร
แมนชั่น อพาร์ทเมนท์ แฟลต มิได้แยกกรรมสิทธิ์การถือครองแบบคอนโด ชื่อพวกนี้เป็นการเรียกรวมๆของอาคารพักอาศัยแบบสร้างมาเพื่อให้เช่าโดยเฉพาะ มีเจ้าของคนเดียวคือเจ้าของอพาร์ทเมนท์ คนที่ไปอยู่ในนั้นคือ ไปเช่าเขาอยู่ ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงจะทำอะไรได้ คำว่า แฟลต จะฟังดูแย่กว่าอพาร์ทเมนท์ เข้าใจว่ามาจากแฟลตดินแดง แฟลตปลาทอง แฟลตตำรวจ ที่ดูโทรมๆ (แต่ในประเทศอังกฤษคำว่าแฟลตนี่อย่างหรูเลยนะครับ) ส่วนคำว่าแมนชั่น จะฟังดูหรูขึ้นมาหน่อย บางทีคอนโดมิเนียมก็ตั้งชื่อให้สับสนโดยพ่วงคำว่าแมนชั่นเข้าไป เช่น เตาปูนแมนชั่น แท้จริงเป็นคอนโด สำหรับService Apartment จะหรูที่สุดในกลุ่มนี้ คือเป็นอพาร์ทเมนท์ที่มีบริการคล้ายโรงแรม คือมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้อง ดูแลซักผ้าปูเตียงให้เราด้วย ค่าเช่าจะต่ำกว่าโรงแรมหน่อยนึง เหมาะสำหรับชาวต่างชาติหรือไฮโซที่ต้องการเช่ายาวเป็นเดือนๆและต้องการความสะดวกสบายเหมือนโรงแรม ครับ

คอนโดมิเนียมจัดเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อขายกันได้เหมือนที่ดิน บ้าน ทาวเฮ้าส์ เมื่อเราจ่ายเงินซื้อคอนโดหลังนึง เราไม่เพียงแต่ได้กรรมสิทธิ์ในตัวห้อง แต่เรายังได้กรรมสิทธิ์ “ร่วม” ในทรัพย์ส่วนกลางของคอนโดนั้นด้วย นั่นคือ เราเป็นเจ้าของสระว่ายน้ำ ลิฟท์ บันได และทุกสิ่งทุกอย่างในคอนโดหลังนั้น โดยแบ่งเฉลี่ยความเป็นเจ้าของไปตามขนาดพื้นที่ห้อง ห้องใหญ่ก็ได้กรรมสิทธิ์มากหน่อย ห้องเล็กก็น้อยหน่อย อัตราส่วนความเป็นเจ้าของนี้จะระบุไว้ใน“หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด” หรือใบ อ.ช.2 ซึ่งเปรียบเสมือนโฉนดของคอนโดห้องนั้นๆ

เอาใบ อ.ช.2 มาให้ดูกัน เป็นคอนโดของผมเอง

จะเห็นว่า ใบอ.ช.2 เนี่ย หน้าตาคล้ายโฉนดที่ดินเลย มีตราครุฑเหมือนกัน รูปยึกยือนั่นก็คือ แปลนห้องของเรา แต่ละห้องก็จะแตกต่างกันไปตามรูปร่างห้อง จะมีเพิ่มส่วนที่เป็น ความสูงของห้องว่าสูงกี่เมตร และอัตราส่วนกรรมสิทธิ์เพื่อบ่งบอกว่า ห้องนี้มีสิทธิ์มีเสียงได้กี่เปอร์เซนต์ ซึ่งมีผลไปถึง ค่าส่วนกลางที่แต่ละห้องต้องเฉลี่ยช่วยกันออก การออกเสียงลงคะแนนต่างๆในการประชุมเจ้าของร่วม รวมถึงบอกว่า หากอยู่ๆไปมีเครื่องบินมาชนคอนโดถล่มลงมาเหลือแต่ที่ดิน ห้องนี้จะได้ส่วนแบ่งค่าที่ดินกี่บาท อย่างห้องของผมนี้มีอัตราส่วน 40.33 ใน 10,000 ส่วน ก็ราวๆ 0.4% ที่ดินคอนโดนี้คือ 1 ไร่ 2 งาน 69.4วา (มีระบุไว้ตรงมุมบนซ้าย) ปัจจุบันที่แปลงนี้ราคา 500,000 บาท/ตารางวา มูลค่าที่ดินก็ราวๆ 334 ล้านบาท ผมก็จะได้ส่วนแบ่ง 0.4% คือ 1.33 ล้านบาทครับ ไม่รวมเงินจากประกันตึกนะ กฏหมายอาคารชุดกำหนดว่า ถ้าอาคารชุดพังเสียหายเมื่อไรก็ให้เอาที่ดินและทรัพย์สินที่เหลือมาแบ่งเฉลี่ยไปตามสัดส่วนกรรมสิทธิ์ เพราะฉะนั้น ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ชอบบ่นว่า ซื้อคอนโดไปทำไมได้อากาศ ซื้อบ้านดีกว่าได้ที่ดิน นั่นไม่เป็นความจริง ซื้อคอนโดก็ได้ที่ดินเหมือนกันจ้า

เมื่อเราซื้อคอนโดมิเนียมไว้ซักห้องนึง ถ้าเราไม่อยู่เอง เราสามารถเอาห้องนั้นมาให้เช่าได้ โดยจะประกาศให้เช่าเอง ดูแลเอง หรือจะฝากนิติบุคคลอาคารชุดให้ดูแลให้ก็ได้ ค่าเช่าก็แล้วแต่ตกลงกันระหว่างตัวเรากับผู้เช่า ดังนั้นราคาค่าเช่าของคอนโดแต่ละห้องจึงไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับว่าห้องนั้นแต่งสวยไม๊ วิวดีไม๊ ถ้าเราไม่อยากวุ่นวายเรื่องการเสาะหาผู้เช่า การทำสัญญาเช่า การดูแลผู้เช่า เหล่านี้ มันจะมีบริการนึงคือ เอเย่นต์ซึ่งจะมาดูแลเรื่องนี้แทนเราทั้งหมดโดยคิดค่าบริการ ทั่วไปก็คือค่าเช่า 1 เดือน ต่อการเช่า1 ปี

การลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อให้เช่าเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีมาก ถ้าทำอย่างถูกต้อง เดี๋ยวผมจะเอาเคล็ดลับรายละเอียดต่างๆมาบอกเล่าสู่กันฟังในblogต่อๆไปนะคร้าบ ^^